เจตนาของบทความ
น้ำหอม ซึ่งมีพลังในการดึงดูดและปลุกความทรงจำ มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและน่าหลงใหล บทความนี้มุ่งหวังที่จะพาคุณมาสำรวจเรื่องราวของน้ำหอมและการใช้ประโยชน์ที่หลากหลายตลอดช่วงยุคสมัย จากอารยธรรมโบราณจนถึงยุคสมัยใหม่ เราจะเปิดเผยความสำคัญทางวัฒนธรรม สังคม และส่วนบุคคล ของน้ำหอม ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชื่นชอบน้ำหอมหรือเพียงแค่สนใจแก่นแท้ของประวัติศาสตร์ บทความนี้จะให้เรื่องราวเกี่ยวกับวิวัฒนาการและเสน่ห์อันยาวนานของน้ำหอม รวมถึงให้เกล็ดความรู้ในการเลือกและใช้น้ำหอมอีกด้วย
เกี่ยวกับผู้เขียน
ในฐานะคนหนึ่งที่หลงใหลในแฟชั่น สินค้าแบรนด์เนมและน้ำหอม อยากที่จะรู้ความเป็นมาของ น้ำหอม ฉันจึงได้ค้นคว้าหาประวัติความเป็นมาของน้ำหอมมาฝากผู้อ่าน เพื่อเปิดเผยความลับความสำคัญของน้ำหอม ไขข้อข้องใจที่เราสงสัยกันมานานว่าน้ำหอมเริ่มต้นขึ้นเมื่อไหร่ น้ำหอมทำจากอะไร ในบทความนี้ ฉันมุ่งหวังที่จะแบ่งปันเรื่องราวอันน่าทึ่งของน้ำหอม โดยเน้นไปที่ประวัติความเป็นมาพิธีกรรมโบราณในอดีตกาล
ประวัติน้ำหอม เรื่องราวของน้ำหอมและการใช้น้ำหอม
มนุษน์เรานอกจากจะอยากดูดีแล้ว ใคร ๆ ก็ปรารถนาที่จะมีกลิ่นหอม บางคนอาจไว้ดมเองหอม ๆ หรือาจไว้ดึงดูดเพศตรงข้าม หรือไว้เพื่อให้ผู้อื่นชื่นชม จึงไม่น่าแปลกว่าน้ำหอมจะมีวางอยู่ในกระเป๋าถือหรือบนโต๊ะแต่งหน้า ในชีวิตประจำวันของผู้คน คุณเคยสงสัยไหมว่าขวดน้ำหอมของคุณมาจากไหน ใครเป็นคนริเริ่มขึ้น? น้ำหอม ไม่ได้เป็นเพียงผลิตภัณฑ์สำหรับคนอย่างเราเท่านั้น มันถูกใช้โดยเหล่าทวยเทพและคนตายมาในตลอดประวัติศาสตร์
ซึ่งในวันนี้ทางเรา hi-endbrands จะพาทุกคนมาเจาะลึกประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งของน้ำหอมกัน ว่า น้ำหอมทำจากอะไร
สุนทรียศาสตร์ของมนุษย์ขับเคลื่อนด้วยความปรารถนาในความงาม ซึ่งนำไปสู่การสร้างสรรค์วัตถุด้านต่าง ๆ โดยลำดับ ในขณะที่มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ประดิษฐ์เครื่องมือสำหรับความต้องการขั้นพื้นฐาน แต่เมื่อวิวัฒนาการของการพัฒนาทางสังคมและวัฒนธรรมมาถึงจุดสูงสุดก็เริ่มเกิดของสิ่งของที่ไม่จำเป็นสำหรับการตกแต่ง ถือเป็นจุดเริ่มต้นของประสาทสัมผัสทางสุนทรีย์ จากการตกแต่งร่างกายด้วยลูกปัดและสร้อยข้อมือ มนุษย์เปลี่ยนจากสุนทรียศาสตร์แห่งความงามทางกายภาพไปสู่สุนทรียศาสตร์แห่งกลิ่นหอม ทำให้เกิดน้ำหอมขึ้นมา
ประวัติน้ำหอม ต้นกำเนิดของน้ำหอมไม่แน่ชัด แต่บันทึกทางประวัติศาสตร์ให้เครดิตถึงการใช้น้ำหอมในอารยธรรมโบราณ เฮโรโดตุส นักประวัติศาสตร์ชาวกรีกได้บันทึกการใช้น้ำหอมระหว่างการเดินทางไปยังอียิปต์ เมโสโปเตเมีย ปาเลสไตน์ และรัสเซียตอนใต้ ระหว่าง 490-480 ปีก่อนคริสตศักราช ชาวบาบิโลน อียิปต์ และอาหรับเป็นหนึ่งในอารยธรรมโบราณที่รู้จักในการผลิตและใช้น้ำหอม และในอียิปต์ การใช้น้ำหอมมีอายุย้อนไปถึง 2686 – 1650 ปีก่อนคริสตกาล
โดยมีหลักฐานที่พบในการค้นพบทางโบราณคดีเกี่ยวกับ ประวัติน้ำหอม รวมถึงภาพวาดในสุสานและขวดน้ำหอมในสุสานของฟาโรห์ตุตันคาเมน อิทธิพลของอารยธรรมอียิปต์โบราณทำให้การใช้น้ำหอมแพร่หลายมากขึ้นในอารยธรรมอื่น ๆ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อารยธรรมเมโสโปเตเมียประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีหลักฐานจากจารึกรูปลิ่มที่กล่าวถึงนักผลิตน้ำหอม
นักโบราณคดีพบชื่อของ Tapputi ที่จารึกไว้บนแผ่นจารึกรูปลิ่มที่ค้นพบระหว่างการขุดค้นในอัสซูร์อิรัก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเมโสโปเตเมียของชาวบาบิโลนในสหัสวรรษที่สองก่อนคริสต์ศักราช แผ่นจารึกดังกล่าวให้ชื่อเต็มแก่เธอว่า ทัปปุติ-เบลาเตกัลลิม โดยเบลาเตกัลลิม แปลว่า “ผู้ดูแลบ้านหญิง” มีอายุถึง 1,200 ปีก่อนคริสตกาล และในจารึก ทัปปูติได้รับการอธิบายว่าเป็นผู้ผลิตน้ำหอมเมโสโปเตเมียชั้นดี [1]
อารยธรรมกรีกและโรมันโบราณยังนำน้ำหอมมาใช้อีกด้วย ดังที่ปรากฎในภาพวาดเครื่องปั้นดินเผา และใช้เป็นอุปกรณ์เพิ่มความหอมในการอาบน้ำ ในยุคกลาง น้ำหอมทำจากอะไร ชาวมุสลิมบุกเบิกการกลั่นน้ำหอมจากดอกไม้ จึงสามารถผลิตได้ในปริมาณมาก ความนิยมของน้ำหอมแพร่หลายมากขึ้นเมื่อ แคทเธอรีน เดอ เมดิซี นำน้ำหอมนี้เข้าสู่ฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 16 และในที่สุดในศตวรรษที่ 19 การสังเคราะห์น้ำหอมจากสารเคมีโดยนักเคมีก็ทำให้เกิดกลิ่นนับพันกลิ่น
ประวัติน้ำหอม : น้ำหอม ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ทางสังคมตั้งแต่เมื่อไหร่?
ประวัติน้ำหอม ความนิยมเริ่มแรกของน้ำหอมที่เกิดขึ้นในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนั้น เกิดขึ้นเนื่องมาจากสภาพอากาศ โดยที่สภาพอากาศแห้ง ร้อน และชื้นเป็นแรงจูงใจให้ผู้คนเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วยน้ำมัน เมื่อความสำคัญของกลิ่นในสุนทรียศาสตร์เพิ่มมากขึ้น น้ำหอมก็ถูกเติมลงในน้ำมัน และได้พัฒนาเป็นน้ำหอมที่เรารู้จักในปัจจุบัน การสกัดกลิ่นจากพืช เช่น กุหลาบ ดอกมะลิ คาโมมายล์ มดยอบ กำยาน และว่านหางจระเข้ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาน้ำหอม
น้ำหอม ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นวิธีการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวตามสภาพอากาศ ได้กลายมาเป็นสินค้า ที่สะท้อนถึงสถานะทางสังคม การเติมน้ำหอมซึ่งมักสกัดจากวัตถุดิบอันมีค่า ยกระดับน้ำหอมให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและความเชื่อ มีอิทธิพลต่อโครงสร้างทางสังคมของชนชั้นต่าง ๆ เป็นความฟุ่มเฟือย ความหรูหรา ที่คนมีกำลังทรัพย์จับต้องได้
เมื่อพิจารณาจากน้ำมันพื้นที่เป็นองค์ประกอบ น้ำหอมทำจากอะไร จากการใช้น้ำมันพื้นเป็นส่วนผสมเพื่อให้ความเข้มข้นเจือจาง เนื่องจากการห้ามใช้น้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากพืชโดยตรง การเลือกใช้น้ำมัน น้ำหอมทำจากอะไร เริ่มจากพืชในท้องถิ่น เช่น ต้นละหุ่ง ต่อมาได้ขยายไปสู่มะกอก อัลมอนด์ และวัสดุอื่นๆ เช่น นม น้ำผึ้ง หรือไขมันสัตว์ การรวมส่วนผสมเหล่านี้เข้าด้วยกันซึ่งมีต้นทุนและมูลค่าที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่าง น้ำหอม ที่ใช้โดยชนชั้นสูงและชั้นล่าง กลายเป็นเครื่องบ่งชี้สถานะทางสังคม
นอกเหนือจากส่วนผสมแล้ว สิทธิและวิธีการใช้น้ำหอมยังบ่งบอกถึงสถานะทางสังคมของผู้ใช้อีกด้วย ในอียิปต์โบราณ มีเพียงนักบวชเท่านั้นที่ได้รับสิทธิพิเศษในการใช้และผลิตน้ำหอม ต่อมา ขุนนางอย่าง Djehuti Thebes ใช้น้ำหอมในพิธีกรรม เพื่อแสดงถึงความมั่งคั่งและอำนาจ ประวัติน้ำหอม ในจักรวรรดิโรมัน ซึ่งโรงอาบน้ำสาธารณะได้รับความนิยมในหมู่ชนชั้นสูง โดยจะใช้ทาสจะนำน้ำมันและน้ำหอมมาใส่ในขวดทรงกระบอกติดตัวมาด้วย เพื่อปะพรมตัวหลังการอาบน้ำ
น้ำหอมยังได้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนตาย โดยเราได้ศึกษาจากเว็บไซต์ https://www.academia.edu/ ระบุว่ามีหลักฐานทางโบราณคดีจากอารยธรรมสุเมเรียนและอียิปต์ เปิดเผยว่าสิ่งของต่าง ๆ รวมทั้งน้ำหอม ได้รับการถวายแด่ผู้ล่วงลับเป็นเครื่องบูชา ประวัติน้ำหอม ในอารยธรรมอียิปต์โบราณ ซึ่งมีความเชื่อและพิธีกรรมที่ชัดเจนเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย น้ำหอมมีบทบาทในกระบวนการมัมมี่ ช่วยรักษาร่างกาย ดับกลิ่นเน่าเปื่อย ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ สะท้อนความเชื่อที่ว่ากลิ่นเป็นสิ่งพึงใจอันศักดิ์สิทธิ์
ชาวอียิปต์แสดงความเคารพต่อกลิ่นจนถึงเทพเจ้าของพวกเขา โดยเฉพาะเทพเจ้าแห่งกลิ่น เนเฟอร์เทม อักษรอียิปต์โบราณเปิดเผยว่าคำว่า “จมูก” เป็นสัญลักษณ์ของความพึงพอใจ โดยเน้นถึงความสำคัญของกลิ่นหอมที่พึงใจ ผลที่ตามมาคือเครื่องบูชาเทพเจ้ามักเป็น น้ำหอม หรืออะไรก็ตามที่มีกลิ่นหอม
คู่มือเกี่ยวกับส่วนประกอบและการเลือกใช้ น้ำหอม
น้ำหอมทำจากอะไร น้ำหอมที่สร้างสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถันเป็นการหลอมรวมน้ำมันน้ำหอมและแอลกอฮอล์เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน โดดเด่นด้วยระดับความเข้มข้นที่แตกต่างกันไป ซึ่งก่อให้เกิดน้ำหอมประเภทต่าง ๆ ซึ่งเราก็จะมาแนะนำการเลือกกลิ่นที่สอดคล้องกับความชอบส่วนตัวกัน ก่อนอื่นต้องเราแบ่งนํ้าหอมออกเป็น 3 ชนิดหลัก ๆ ตามระดับความเข้มข้นของกลิ่นหอมได้ดังนี้
- Eau de Perfume (โอ เดอ เพอร์ฟูม) ความเข้มข้นของน้ำมันน้ำหอม 15-18% จะมีกลิ่นหอมที่ทรงพลังและยาวนานที่สุด
- Eau de Toilette (โอ เดอ ทอยเลตต์) น้ำมันหอมที่ประกอบด้วยส่วนประกอบ 4-8% จะมีความสมดุล ระหว่างความเข้มข้นและความละเอียดอ่อน ทำให้เป็นตัวเลือกสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย
- Eau de Cologne (โอ เดอ โคโลญ) ความเข้มข้นของน้ำมันน้ำหอมที่เบากว่า อยู่ในสัดส่วนที่ 3-5% โอ เดอ โคโลญจน์จะมอบกลิ่นหอมที่สดชื่นและมีชีวิตชีวา เหมาะสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน
โอ เดอ เพอร์ฟูม และ โอ เดอ ทอยเลตต์ น้ำหอมเหล่านี้แพร่หลายในท้องตลาด โดย โอ เดอ ทอยเลตต์ มักพบเห็นได้ทั่วไปในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น โลชั่นบำรุงผิว สบู่ และโฟมอาบน้ำ เนื่องจากมีความเข้มข้นปานกลาง สำหรับแนวทางการเลือกน้ำหอม ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนํ้าหอมบอกว่า เป็นการยากมากกับการที่เขาจะแนะนำ น้ำหอม ว่าใครเหมาะกับแบบไหน เพราะมันล้วนขึ้นอยู่กับ ความชอบส่วนตัวและไลฟ์สไตล์เมื่อเลือกน้ำหอม และนี่คือแนวทางที่ควรปฏิบัติก่อนตัดสินใจซื้อน้ำหอม
- เวลาที่ไปเลือกซื้อนํ้าหอมนั้น ควรหลีกเลี่ยงการทดสอบน้ำหอมหลังจากรับประทานอาหารรสเผ็ด หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังมาก ไม่ควรไปเลือกซื้อนํ้าหอมในช่วงที่เราเพิ่งจะฟื้นจากอาการเจ็บป่วย หรือไม่สบาย หรือเพิ่งสูบบุหรี่เสร็จ เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลต่อการรับรู้กลิ่นของคุณได้
- ในขั้นตอนการทดสอบ ให้ฉีดน้ำหอมที่ข้อมือและแขนเพื่อทำการทดสอบ ให้เวลาอย่างน้อย 20 นาที (ควรหนึ่งชั่วโมง) เพื่อให้กลิ่นหอมจางลงก่อนตัดสินใจ
- ในกรณีที่เราทดลองนํ้าหอมมากกว่าหนึ่งกลิ่น เราก็ควรใช้ข้อมืออีกข้างหนึ่ง และถ้าเราทดลองนํ้าหอมมากกว่า 2 กลิ่นนั้น บริเวณที่เราควรฉีดนํ้าหอมลงไปก็คือ บริเวณแขนที่ไล่จากข้อมือของเราขึ้นไปเรื่อยๆ นั่นเอง
- แม้ในปัจจุบันนํ้าหอมแต่ละยี่ห้อนั้นได้ทำ Blotting paper ให้เราได้ทดลองกลิ่นนํ้าหอม แต่ วิธีใช้น้ำหอม นี้ดีสำหรับการรับรู้กลิ่นในสัมผัสแรก และดีสำหรับการทดลองกลิ่นนํ้าหอมหลาย ๆ กลิ่นในเวลาเดียวกัน แต่ วิธีใช้น้ำหอม นี้จะไม่สามารถทำหน้าที่ได้ดีเท่ากับการที่คุณทดลองนํ้าหอมด้วยผิวหนังของคุณเอง
วิธีใช้น้ำหอม กับเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับน้ำหอมที่น่าสนใจ
น้ำหอมดี ๆ หนึ่งขวดอาจมีราคาค่อนข้างแพง แถมน้ำหอมนั้นก็มีความอ่อนไหวต่อปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อกลิ่นและสี ถ้าเราขาดความรู้เกี่ยวกับน้ำหอม อาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการรักษาคุณภาพของน้ำหอมก็เป็นได้ แน่นอนว่าเราก็มีความรู้พื้นฐาน วิธีใช้น้ำหอม มาให้คุณผู้อ่านเก็บเกี่ยวความรู้กันด้วยล่ะ
แสงแดดและความชื้น: น้ำหอมแพ้แสงแดดและความชื้น การเก็บน้ำหอมไว้ในที่ที่มีแสงแดดจัดหรือชื้น โดยเฉพาะในห้องน้ำ อาจทำให้กลิ่นหอมบิดเบือนได้ ขอแนะนำให้เก็บขวดน้ำหอมไว้ในที่เย็นและมืดเพื่อรักษาคุณภาพและกลิ่นดั้งเดิม
หลีกเลี่ยงการถูข้อมือ: เวลาฉีดน้ำหอม วิธีใช้น้ำหอม ที่ถูกต้อง ควรหลีกเลี่ยงการถูข้อมือเข้าหากัน การทำแบบนี้จะทำให้กลิ่นหอมลดลงได้จริง และทำให้น้ำหอมอยู่ติดได้ไม่นาน
ใช้วาสลีนเพื่ออายุยืนยาว: การทาวาสลีนบาง ๆ บนจุดชีพจรก่อนฉีดน้ำหอมสามารถช่วยให้กลิ่นหอมติดทนนานขึ้น ไม่จำเป็นต้องทาวาสลีนให้ทั่ว เพียงเน้นไปที่บริเวณคอและข้อมือ
อย่าเขย่าขวดน้ำหอม: วิธีใช้น้ำหอม ที่ดี ไม่ควรเขย่าขวดน้ำหอมต่างจากขวดยา การเขย่าทำให้เกิดฟองอากาศซึ่งอาจส่งผลเสียต่อคุณภาพกลิ่นของน้ำหอม
ข้อควรระวังในการใช้งานกับเส้นผม: แม้ว่าหลายๆ คนจะชอบฉีดน้ำหอมบนเส้นผม แต่ก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีที่สุด น้ำหอมมักมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจทำให้เส้นผมแห้งและเสียหายได้ ขอแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมให้กับเส้นผมโดยเฉพาะ
สเปรย์ตามจุดชีพจร: แทนที่จะฉีดน้ำหอมให้ทั่วร่างกาย ให้เน้นไปที่จุดชีพจร เช่น คอ ข้อมือ หรือข้อพับแขน ตำแหน่งที่หลอดเลือดหลักอยู่ใกล้ผิวหนังจะช่วยให้น้ำหอมคงอยู่ได้นานขึ้น
ปฏิกิริยาต่อกลิ่นของแต่ละบุคคล: น้ำหอมขวดเดียวกันกลิ่นอาจแตกต่างกันในแต่ละคน เคมีในร่างกาย ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม และแม้กระทั่งเหงื่อสามารถมีอิทธิพลต่อปฏิกิริยาของน้ำหอม ทำให้กลิ่นหอมมีเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับแต่ละคน
บทส่งท้าย
ประวัติอันไม่ธรรมดาของน้ำหอม ตั้งแต่ วิธีใช้น้ำหอม ส่วนบุคคล ไปจนถึงสัญลักษณ์ของสถานะทางสังคม และการถวายพิธีกรรม สะท้อนให้เห็นความลึกซึ้งที่กลิ่นมีต่อวัฒนธรรมของมนุษย์ ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณหยิบขวดน้ำหอมนั้น ให้นึกถึงเรื่องราวอันยาวนานแห่งประวัติศาสตร์ที่ขวดนั้นมีอยู่ อย่างไรก็ตาม คุณควรใช้แต่พอดี อย่าใส่เยอะจนเกินไป เพราะมันอาจจะเปลี่ยนจาก น้ำหอม เป็น น้ำขม ให้ใครต่อใครที่เดินผ่านคุณก็ได้
อ้างอิง
1. Reference list: Nathan Falde. (2022). 3,200-Year-Old Mesopotamian Perfume Recreated from Ancient Text: https://www.ancient-origins.net/news-history-archaeology/mesopotamian-perfume-0017057 (Accessed: 8 December 2023). [1]
2. https://www.academia.edu/
ติดตามเว็บไซต์น่าติดตามเพิ่มเติมได้ที่ >> โหลดเกมส์
บทความอื่น ๆ ที่แนะนำ >> สปากระเป๋า