แบรนด์เนมน่าลงทุน กระเป๋าน่าลงทุน คืออะไรไขข้อสงสัยว่าทำไมซื้อแล้วราคาขึ้น
แบรนด์เนมน่าลงทุน กระเป๋าน่าลงทุนที่ซื้อแล้วได้กำไรเขาทำอย่างไร หลายคนคงเคยได้ยินกันมาแล้วบ้างว่า กระเป๋า คือทรัพย์สินอย่างหนึ่งที่สามารถซื้อมาเกร็งกำไรได้ แต่ทว่ากลไกของราคา มันเกิดขึ้นมา ได้อย่างไร และทำไมของกระเป๋าที่ถูกซื้อมาแล้วสามารถนำไปขายต่อในราคาที่แพงได้ โดยหลัก ๆ แล้ว การที่ราคาของกระเป๋าไม่มีตกนั้น ก็ขึ้นอยู่กับหลากหลายองค์ประกอบด้วยกัน
กระเป๋าน่าลงทุน คือ กระเป๋าที่เมื่อถูกซื้อมาแล้วในราคาหนึ่ง แต่เนื่องจากระยะเวลาที่ผ่านไป ก็ยังมีคนต้องการกระเป๋าใบนั้นอยู่ จึงทำให้สามารถนำไปขายต่อได้ แล้วได้ราคานั้นเอง โดยตัวแปรที่สำคัญ ของการขึ้นราคาของกระเป๋านั้น คือสภาวะเงินเฟ้อ ของเศรษฐกิจโลก และนโยบายในการปรับราคาเพื่อให้สมดล กับค่าเงินของทางแบรนด์ เมื่อระยะเวลาผ่านไป จึงทำให้มูลค่าของกระเป๋าใบนั้นเพิ่มราคาขึ้นไปตามกาลเวลา ดังนั้นเมื่อเราซื้อกระเป๋ามา แล้วนำไปใช้งานแล้ว แต่ยังสามารถนำไปขายต่อได้ด้วยเงินจำนวนหนึ่งกลับมา ถึงแม้จะไม่ราคาเท่ากับราคาที่ซื้อมา แต่ก็ยังถือว่ามีคนต้องการซื้อยู่
หากพูดถึงการลงทุนในระยะยาว หลายคนคงอาจจะคิดถึงการทำเงินจากการเล่นหุ้น ซื้อทองมาเก็บไว้เกร็งกำไร หรือเก็บทรัพย์สินขนาดใหญ่ อย่างที่ดิน บ้านหรือคอนโด ฯ แต่จริง ๆ แล้ว การลงทุนในรูปแบบที่เราชอบและสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ยังมีอีกหลายช่องทางด้วยกัน ซึ่งหนึ่งในนั้น คือการลงทุนกับกระเป๋าแบรนด์เนม ไม่น่าเชื่อว่าสินค้าราคาระดับไฮเอนด์อย่างกระเป๋าแบรนด์เนม ที่มักจะถูกจัดไว้ในหมวดของใช้ฟุ่มเฟือย กลับมีราคาซื้อขายในตลาดพุ่งสูงต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะเป็นของแรร์ไอเท็มแล้ว วัสดุที่ใช้ผลิตก็ยังคงทนแข็งแรง มีคุณภาพสูง แม้จะผ่านการใช้งานมารวมหลายปี
วันนี้เราจึงขออาสาคัดสรรกระเป๋าแบรนด์เนมสุดหรู มาให้คุณผู้อ่านที่สนใจการลงทุนกับกระเป๋าแบรนด์เนม ที่ได้รับการการันตีจากเหล่ากูรูแฟชั่นทั่วโลกว่า สามารถนำไปขายต่อในราคาที่คุ้มค่าแก่การลงทุนอย่างแน่นอน
5 อันดับกระเป๋าสุดฮิต แบรนด์เนมน่าลงทุน ควรค่าแก่การลงทุน
Hermes Birkin Bag
เริ่มต้นกันด้วย แบรนด์กระเป๋าจากฝรั่งเศส ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของราคา และคุณภาพของหนัง ที่มีความทนทานมากที่สุดแบรนด์หนึ่งเลยก็ว่าได้ ความพิเศษของ Hermes อยู่ที่การจำกัดการผลิตต่อลอต ด้วยยิ่งบางรุ่นบางแบบที่หนัง
หายาก หรือมีมูลค่าสูง ทางแบรนด์จะแอบคัดกรองลูกค้าด้วย
รุ่นที่ขึ้นชื่อว่าฮอตฮิตตลอดกาลของแบรนด์ก็คงไม่พ้น Birkin Bag กระเป๋าที่มีต้นกำเนิดมาจากการพูดคุยระหว่างผู้บริหาร Hermes อย่างจีน-หลุยส์ ดูมาส และเจน เบอร์กิน ในเที่ยวบินโดยสารไฟลต์หนึ่ง การแลกเปลี่ยนความเห็นครั้งนั้นนำมาสู่ไอเดียการทำกระเป๋า Birkin ที่มีรูปร่างทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า จุของได้เยอะ และมีสายคล้องแขนที่เล็กกะทัดรัด แต่ทนทานแข็งแรง
รูปทรงของ Birkin สามารถอะแดปต์กับลุกของสาว ๆ ได้ไม่ยาก บวกกับวัสดุและการผลิตที่น้อยมาก ๆ ทำให้ราคาขายในช็อปมีตั้งแต่ 600,000 บาท ไปจนถึง 5,000,000 บาท ส่วนราคาส่งต่อของเจ้า Birkin จะพุ่งสูงมากกว่าราคาเดิมราว 3-4 แสนบาทเป็นอย่างต่ำ ยิ่งเป็นกระเป๋าที่ซื้อมานานแล้ว ก็สามารถคูณด้วยจำนวนปีเข้าไปเพิ่มได้อีก
รับรองว่าราคาไม่มีตก เนื่องจาก Birkin Bag ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่า เป็นกระเป๋าที่มีมูลค่าสูงสุดตลอดกาล หากใครอยากเป็นเจ้าของคงต้องรอสักหน่อย เพราะขนาดดาราฮอลลีวูดยังต้องมีการจองคิวรอกระบวนการผลิตนานนับปีเลยทีเดียว
Chanel Classic Flap
หากพูดถึง Chanel หลายคนน่าจะนึกถึงกระเป๋าขนาดกะทัดรัด แต่งแต้มด้วยสายโซ่สลับเนื้อผ้าที่กลายเป็นลายเซ็นของแบรนด์ไปแล้ว นั่นก็คือ Chanel Classic Flap ปัจจุบันกระเป๋ารุ่นนี้ถูกดัดแปลงจาก Chanel 2.55 เวอร์ชั่นต้นฉบับที่ออกแบบโดยโคโค่ ชาแนล ในปี 1955 ซึ่งภายหลัง คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ดีไซเนอร์คู่บุญของ Chanel ได้ปรับเปลี่ยนดีไซน์บริเวณตัวล็อกกระเป๋า เปลี่ยนจากเดิมที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมธรรมดาให้กลายเป็นตัวซีไขว้ ซึ่งก็คือตราโลโก้ของแบรนด์นั่นเอง
Chanel Classic Flap มีทั้งหมดสามแบบด้วยกัน ได้แก่ รุ่นออริจินอล 2.55 รุ่นตัวซีไขว้ และรุ่น Reissue ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2005 เอกลักษณ์ของทั้งสามรุ่นที่ครองใจสาว ๆ ไปทั้งโลกก็คือ ดีไซน์หนังลายควิลต์อันโดดเด่นมีสไตล์ แต่ละรุ่นมีความแตกต่างเล็กน้อยตรงตัวล็อกปิด และสายสะพายที่หากเป็นรุ่นตัวซีไขว้จะเป็นสายโซ่ถักหนัง ส่วนอีกสองรุ่นจะเป็นสายโซ่ทั้งเส้น
ปัจจุบันนี้มีราคาอยู่ที่ราว ๆ 191,000 บาท ความสวยไม่มีตกยุคของ Classic Flap ทำให้ราคาซื้อขายเพิ่มขึ้นทุกวัน ๆ โดยปัจจุบันราคาส่งต่อของกระเป๋ารุ่นนี้ สามารถขายได้มากกว่า 70% ของราคาเดิมที่ซื้อมาในปีนั้น ๆ ซึ่งหากลองไปส่องดูตามเว็บไซต์ซื้อขายแบรนด์เนมมือสอง ก็จะพบว่า Chanel Classic Flap ยังคงได้รับการถามไถ่ประกาศตามหาอยู่เสมอ ๆ
Louis Vuitton Neverfull
มาที่รุ่นขายดีตลอดกาลของ Louis Vuitton เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2007 Neverfull Bag ไม่เพียงแต่ครองใจสาวกได้เท่านั้น แต่ยังสามารถเจาะตลาดได้มากอีกด้วย ความดีงามของมันอยู่ที่ขนาดที่ใหญ่มาก ใส่ของได้เยอะ ที่สำคัญ แข็งแรงทนทานสุด ๆ ทางแบรนด์เคยทดสอบความอึดถึกของเจ้า Neverfull ด้วยการใส่ของที่มีน้ำหนักมากลงไป และยังมีการเหวี่ยงลงจากที่สูงมาก ๆ ให้ลูกค้าเห็นถึงความยืดหยุ่นและทนทานระดับตำนานของมัน ซึ่งภายหลังการทดลองครั้งนั้นก็ทำเอา Neverfull ขายดีไม่หวาดไม่ไหว กระทั่งในบ้านเราเองก็ได้รับความนิยมอย่างมาก ขนาดที่ว่า Louis Vuitton Neverfull กลายเป็นกระเป๋าที่มีของก๊อปขายวางเกลื่อนที่สุดรุ่นหนึ่งเลย
เหตุผลที่ Neverfull เจาะตลาดได้จำนวนมาก มาจากราคาที่เข้าถึงได้มากกว่าแบรนด์อื่น ๆ สนนราคาขายในช็อปตอนนี้อยู่ที่ราว ๆ 3-4 หมื่นบาท ส่วนราคาส่งต่อของรุ่นนี้มีมูลค่าเพิ่มสูงกว่าราคาซื้อถึง 65-80% ของราคาที่ซื้อมา ลองไปสำรวจดูคร่าว ๆ ราคาจะอยู่ที่ 8-9 หมื่นบาท
แบรนด์เนมน่าลงทุน Prada Galleria
ไปต่อกันที่แบรนด์เนมระดับไฮเอนด์สุดหรู เป็นอีกแบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในบ้านเรา Prada Galleria มีอีกชื่อว่า Prada Saffiano Lux มีรูปทรงที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด กว้าง ยาว และสูง ทำให้สามารถใส่ของได้จำนวนมาก โดยที่ตัวกระเป๋าก็ไม่ดูใหญ่จนเกินไป การออกแบบของรุ่นนี้ คล้ายกับศิลปะโบราณ ตัดกับโลหะที่มาประดับตกแต่งให้ดูทันสมัย และสีสันจัดจ้านหลากหลาย จึงทำให้เกิดการผสมผสานระหว่างความคลาสสิกที่ไม่ตกยุค และความทันสมัยแบบสาวยุคใหม่ สวยจบภายในใบเดียว
บอกเลยว่า Prada Galleria ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน เพราะได้มีการนำหนังผ่านความร้อนจนเกิดเป็นลายเส้นนูนสวยงาม สามารถกันน้ำและรอยขีดข่วนได้ดี เป็นกระเป๋าที่ไม่ต้องทนุถนอมมาก ก็มีอายุการใช้งานไปได้หลายปี ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 65,000 บาท ไปจนถึงเกือบ ๆ 100,000 บาท ส่วนราคาส่งต่ออยู่ที่ราว ๆ 15-20% ของราคาซื้อ
Lady Dior Bag
เมื่อนึกถึงกระเป๋า Dior จะบอกว่าต้องนึกถึงรุ่นนี้กันเลย แต่ก่อน Lady Dior มีชื่อรุ่นว่า Chou Chou แต่ถูกเปลี่ยนในภายหลังเพื่อเป็นเกียรติแก่ Lady Diana ผู้ล่วงลับ เนื่องจากเจ้าหญิงไดอาน่าทรงถือกระเป๋ารุ่นนี้ให้ชาวโลกได้ชมกัน ในช่วงแรก ๆ ที่กระเป๋าออกวางขาย และด้วยความที่เจ้าหญิงไดอาน่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลอยู่แล้ว หลังจากมีภาพถ่ายคู่กับกระเป๋าเผยแพร่ออกไป จึงเกิดกระแสความสนใจในตัวกระเป๋า Dior รุ่นนี้มากขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน ทางแบรนด์จึงเปลี่ยนชื่อรุ่นเป็น Lady Dior เฉพาะภายในระยะเวลา 2 ปี Lady Dior มียอดขายมากกว่า 2 แสนใบ จนถึงปัจจุบันยังคงได้รับการขนานนามว่าเป็น “it bag” ที่ผู้หญิงทุกนต้องมี
ด้วยการออกแบบที่ดูแข็งแรงทนทาน แต่ก็ยังคงความเป็นสุภาพสตรีไว้ได้อย่างลงตัว บวกกับขนาดและสีสันที่มีให้เลือกหลากหลาย Lady Dior จึงยังเป็นที่ต้องการของกลุ่มคนรักกระเป๋าอยู่ ปัจจุบันราคาของรุ่นนี้เริ่มต้นที่ประมาณ 120,000-144,000 บาท ส่วนราคาที่สาว ๆ สามารถส่งต่อได้จะเพิ่มราว ๆ 14% จากราคาซื้อ
แหล่งอ้างอิงข้อมูล : my-best.in.th, แทงบอลยูโร
ติดตามเว็บไซต์น่าติดตามเพิ่มเติมได้ที่ >> เกมออนไลน์
แบรนด์อื่นๆ ที่แนะนำ >> Sneaker แบรนด์เนม