Balmain Paris เรื่องราวของแบรนด์เสื้อผ้าชั้นสูงที่ก้าวสู่ความเป็นร็อคเกอร์
Balmain Paris Pierre Balmain คือแฟชันดีไซน์เนอร์ เขาเกิดเมื่อปี 1914 ในช่วงวัยศึกษาเคยเรียนด้านสถาปัตยกรรม ทว่าเขาก็เรียนไม่จบ เพราะมักจะชอบใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการออกแบบเสื้อผ้า จนสุดท้ายเขาก็ลาออก เพื่อไปทำงานเกี่ยวกับแฟชั่นอย่างเต็มตัว
จากคนที่เรียนไม่จบออกมาทำงานเกี่ยวกับแฟชั่น ในที่สุดเขาก็สามารถเปิดโรงเรียนสอนออกแบบเสื้อผ้าได้ ซึ่ง ณ เวลานั้นก็เป็นยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พอดี เป็นปี 1945 ที่กรุง Paris หลังจากเปิดโรงเรียนมา ผู้คนต่างให้ความสนใจใน Balmain อย่างมาก เพราะหลายคนต่างประหลาดใจ เมื่อได้เห็นผลงานการออกแบบของ Balmain ที่ได้สร้างภาพลัฏษณ์ใหม่ให้กับสตรี
ภาพลักษณ์ใหม่นี้ ได้ลบล้างค่านิยมเดิม ๆ ของผู้หญิงในแบบอดีต ที่มักจะไม่ได้สนใจในเสน่ห์ของตัวเองมากนะ โดยให้มีการเปลี่ยนมาเป็นความหรูหรา ที่จะช่วยเสริมเติมแต่งไปกับเสื้อผ้าชั้นสูง กระทั่ง บัลแมงได้รับฉายาว่าเป็น ราชาแห่งวงการแฟชั่นฝรั่งเศส “The King Of French Fashion” ถึงขนาดที่นักเขียนชาวอเมริกัน Gertrude Stein ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของ Balmain ถึงกับกล่าวสรรเสริญสไตล์แบบใหม่ของบัลแมงเอาไว้ในงานเขียนของเธอ โดยบัลแมง ทำให้ผู้หญิงในยุค 1950 มีภาพลักษณ์แห่งความกระตือรือร้น
แต่งตัวอย่างประนีต และมีความเป็นอิสระ ในความงามที่ดูเป็นธรรมชาติ กับสไตล์ที่เรียกว่า โจลี่ มาดาม ผ่านมาถึงยุค 1960 บัลแมงมีการเปลี่ยนแปลงสไตล์อีกครั้ง เมื่อเขาใช้ผ้าออกแบบสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างไม่ยุ่งเหยิง เน้นไปที่ความบริสุทธิของรูปทรง และ ความขัดแย้งของเส้นสายการตัดเย็บ ซึ่งสไตล์ของบัลแมงในช่วงยุค 60 จะนิยมนําไปแต่งตัวให้กับงานด้านการละครต่างๆอีกด้วย ที่ Balmain ได้ออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับดาราดังในยุคนั้นหลายคน
ไม่ว่าจะเป็น Brigitte Bardot, Marlene Dietrich, and Katherine Hepburn และอีกมากมาย ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันนี้เองที่ Balmain ยังได้ออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต พระบรมราชินีนาถ แห่งประเทศไทย อีกด้วย
โดยชื่อเสียงของ Balmain เป็นที่รู้จักกันในแวดวงชั้นสูงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบรรดาราชวงศ์ต่าง ๆ และดาราชั้นนำ ด้วยสไตล์ที่มีเอกลักษณ์ มีความสง่างาม จนชื่อเสียงของ Balmain โด่งดังไปทั่วโลก
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เสื้อผ้า เรดดี้ทูแวร์ กลิ่นอาย Rock n Roll
มาถึงยุค 1970 บัลแมง ได้เริ่มผลิตเสื้อผ้า เรดดี้ทูแวร์ ออกวางจำหน่าย เพื่อให้ทุกคนสามารถสวมใส่เสื้อผ้่าของบัลแมงได้ทุกวัน และผลตอบรับก็ออกมาดีมาก มีสาขาของ บัลแมง กว่า 220 สาขาทั่วโลก แต่หลังจากนั้น ปิแอร์ บัลแมง ก็ได้เสียชีวิตลงในปี 1982 โดยผู้ช่วยของเขาคือ Erik Mortensen ได้เข้ามาทําหน้าที่แทน ซึ่งเขาก็ได้คงไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ของบัลแมงคนเดิม ควบคู่ไปกับการพัฒนาสไตล์ต่าง ๆ และดีไซน์งานออกมาด้วยจิตวิญญาณดั้งเดิมของ Balmain
หลังจากนั้น ก็มีดีไซเนอร์ชื่อดังหลายคน ผลัดเปลี่ยนกันขึ้่นมากุมบังเหียน ผลิตงานออกแบบแฟชั่นให้กับบัลแมง และ Christophe Decarnin คือคนที่ทำให้ Balmain กลับมาโด่งดังสุด ๆ ในช่วงปี 2008 2009 โดยเขาทําให้แฟชั่นเสื้อผ้าไหล่ตั้ง การใช้ Stud หรือหมุดสีเงินมาตกแต่งเสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้า จนเป็นที่นิยมไปทัวโลก
แต่หลังจากที่ Christophe Decarnin ลาออกไปอีกคน บัลแมงก็ได้ Olivier Rousteing ขึ้นมาทำหน้าที่แทน ที่เขาก็ยังคงสร้างกระแสความนิยมให้กับ บัลแมง ได้เป็นอย่างดี ซึ่งสไตล์ในยุคปัจจุบันของบัลแมง ตั้งแต่ยุคของ Decarnin จนถึง Rousteing นั้น จะมีกลิ่นอายของแฟชั่นแนว Rock n Roll อยู่เสมอ
คอลเล็กชันฤดูกาล Spring/Summer 2022 ฉลองครบรอบ 10 ปี
ล่าสุด ปี 2022 Balmain นำเสนอคอลเล็กชันฤดูกาล Spring/Summer 2022 เพื่อฉลองครบรอบ 10 ปีของ Olivier Rousteing ในการดำรงตำแหน่ง ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ ของแบรนด์ แฟชั่นโชว์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลดนตรีที่มีชื่อว่า Balmain Festival ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 มาตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา
โดยเป็นการรวมทั้งการแสดงดนตรี อาหาร และแฟชั่นเข้าด้วยกัน พร้อมกับการแสดงจากศิลปินชื่อดังอย่าง Doja Cat มาขึ้นแสดงพิเศษ แต่ก่อนจะเริ่มโชว์ Balmain ได้เซอร์ไพรส์ผู้ชมที่เข้ามาชมด้วยคลิปเสียงของ Beyonce ที่มากล่าวชื่นชมความสำเร็จของ Olivier Rousteing
โชว์บนรันเวย์ยกสูงและกำแพง LED บานพับถูกแบ่งออกเป็นสองช่วง โดยส่วนแรกจะเป็นคอลเล็กชัน เสื้อผ้าเรดี้ทูแวร์ ฤดูใบไม้ผลิปี 2022 กว่า 97 ลุคในโทนสีโมโนโครมอย่างขาว ดำ เทา นู้ด และแดง ตั้งแต่ชุดเดรสผ้ายืดโชว์สัดส่วนร่างกาย
แทรกด้วยดีเทลโซ่ทองที่มาเป็นทั้งเสื้อตัวบน สายกระเป๋า ตะขอชุดเดรส โดยไม่ลืมที่จะโชว์ฝีมืองานตัดเย็บที่หาตัวจับยาก ของห้องเสื้อได้เป็นอย่างดี อย่าง เสื้อสูท เสื้อแจ็กเก็ต และโค้ตโอเวอร์ไซส์
ส่วนที่สองซึ่งถือว่าเป็นไฮไลต์ของโชว์ Olivier ได้นำลุคเด่นๆ จากคอลเล็กชันก่อนที่ไม่ต้องใช้เวลานึกนานก็จำได้ว่าเป็นฝีมือของเขามาปัดฝุ่นใหม่ เช่นชุดเดรสไหล่ตรงปักลูกปัดและดิ้นทองลายบาโรก คู่กับรองเท้าบู๊ต พร้อมได้เหล่าซูเปอร์โมเดลตัวท็อปมาเดินแบบให้
ไล่ตั้งแต่ Naomi Campbell, Natalia Vodianova, Natasha Poly, Karen Elson, Milla Jovovich ที่กลับมาเดินแบบในรอบหลายปี และ Carla Bruni ซูเปอร์โมเดลจากยุค 90 และอดีตสตรีหมายเลขหนึ่งของฝรั่งเศสเดินปิดโชว์โดยมีเพลง Halo ของ Beyonce เป็นเพลงประกอบโชว์
โอลิเวีย ให้สัมภาษณ์ก่อนวันโชว์ว่า “ฉันไม่คิดว่าอีก 10 ปีข้างหน้า Balmain จะก้าวเข้าสู่บนใหม่ แต่มันจะเป็นลุคใหม่มากกว่า ดังนั้นมันเป็นการปิดหนังสือและเริ่มอ่านเล่มใหม่ ฉันขอแค่ตื่นมาตอนเช้าแล้วยังมีรอยยิ้มแบบเดิมที่ฉันมีในวันนี้”
ตลอด 10 ปีในการทำงานของดีไซเนอร์ผิวสีและลูกกำพร้าคนนี้ที่ Balmain มีเรื่องให้จดจำมากมาย
Olivier ไม่เพียงแต่เป็นดีไซเนอร์รุ่นใหม่ และดีไซเนอร์ผิวสีคนแรกที่เข้ามาเปลี่ยนแบรนด์กูตูร์แห่งนี้ให้ทันสมัย แต่เข้ายังนำแบรนด์เข้าไปสู่วัฒนธรรมและความหลากหลายของผู้หญิงยุคใหม่
ทั้งการได้ Rihanna มาขึ้นแคมเปญคอลเล็กชัน Spring/Summer 2014, ออกคอลเล็กชันพิเศษสุดฮือฮาอย่าง Balmain x H&M เมื่อปี 2015 รวมไปถึงการทำชุดขึ้นแสดงให้กับ Beyonce มากมาย โดยเฉพาะชุดเสื้อฮู้ดสีเหลืองและชมพูของโชว์ประวัติศาสตร์บนเวที Coachella ปี 2018
ติดตามเว็บไซต์น่าติดตามเพิ่มเติมได้ที่ >> ดูซีรี่ย์ , UFABACCARAT
บทความอื่น ๆ ที่แนะนำ >> คอลเลกชั่น Juste un Clou