Brand name fashion updates
Brand Name เปิดแบรนด์ที่หลายๆท่านนั้นจะต้องรู้จัก มีติดตัวแล้วปังแน่นอน
Brand name fashion updates
Brand Name เปิดแบรนด์ที่หลายๆท่านนั้นจะต้องรู้จัก มีติดตัวแล้วปังแน่นอน

Hedi Slimane ประวัตินักดีไซน์เนอร์ผู้สร้างยอดขายในตำนานแบรนด์ Celine

Hedi Slimane

Hedi Slimane ประวัตินักดีไซน์เนอร์ผู้สร้างยอดขายในตำนานแบรนด์ Celine

กลายเป็นที่น่าตื่นเต้นของวงการแฟชั่น เมื่อ LVMH ประกาศข่าวว่า ว่าดีไซเนอร์คนเก่งนาม เอดี สลิมาน (Hedi Slimane) จะกลายเป็นนักออกแบบคนใหม่ที่แบรนด์เซลีน (Celine) ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เป็นเหมือนกับการเดินทางของ สลิมาน ในการกลับสู่บ้านหลังเก่าที่เขาเคยอาศัย เพราะแท้จริงแล้ว เขาเคยรับหน้าที่เป็นนักออกแบบที่ แบรนด์ดิออร์ ออมม์ (Dior Homme) เมื่อช่วงปี ศ.ศ. 2000-2007 และเขายังเป็นผู้สร้างเทรนด์เสื้อผ้า รัดรูปให้กลายเป็นที่นิยมไปทั่วโลก จนตอนนี้กลายเป็นสไตลิ่งมาตรฐานของ อิออร์ ออมม์ และแซต์ โลรองต์ ไปแล้ว

เอดี สลิมาน คือลูกครึ่งอิตาเลียนและตูนิเซีย เขาเกิดและเติบโตในปารีสช่วง ค.ศ. 1968 แม้จะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองศูนย์กลางแฟชั่น แต่สลิมานกลับหลงใหลการถ่ายภาพมากกว่า การเป็นนักออกแบบเนื้อผ้าโดยเขาได้เริ่มต้นถ่ายภาพขาวดำ และทดลองล้างรูปด้วยตัวเองตอนอายุ 11 ขวบ ผ่านกล้อง Nikon FM ซึ่งซื้อมาจากร้านขายของเขา พออายุได้ 16 ปี สลิมานจึงเริ่มทำเสื้อผ้าใส่เอง

ซึ่งตั้งแต่นั้นมา เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นความสนใจในด้านแฟชั่น หลังจบการศึกษาภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะจาก  École du Louvre เขาก็เข้ามาทำงานในทีม ฌ็อง-ฌัก ปิการ์ (Jean-Jacques Picart) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านแฟชั่นของห้องเสื้อแบรนด์ดังมากมาย ซึ่งในนั้นยังรวมถึงแบรนด์อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ รีฟว์ โกช (Yves Saint Laurent Rive Gauche)

ต่อมาปี ค.ศ. 1996 แนวคิดเอกลักษณ์ของสลิมาน ก็ถูก ปิแอร์ แบร์เช (Pierre Bergé) มองเห็นแวว แบร์เชจึงให้โอกาสสลิมานเข้ามาทำงานในแผนกเสื้อผ้าผู้ชายของแบรนด์อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ สลิมานในวัยเพียง 27 ปี เขาจึงกลายเป็นผู้อำนวยการแผนกเสื้อผ้าผู้ชายได้สำเร็จ

สิ่งที่ทำให้สลิมานแจ้งเกิดก็คือ การออกแบบคอลเล็กชั่นแบล๊กไท (Black Tie) ฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว ปี 2000 ซึ่งเป็นการเสนอเสื้อผ้าผู้ชายในซิลลูเอตแบบสกินนี่ นายแบบผอมแห้งที่มีแอตติจูดแบบแอนโดรจีเนียส (Androgynous) จึงถูกจับแต่งตัวในแจ๊กเก็ตสูทตัวฟิตเปรี๊ยะ เห็นความโค้งของเอวคอดกิ่วชัดเจน พร้อมกางเกงเข้ารูปพอดีกับช่วงขา

แต่ความสำเร็จครั้งนี้ กลับอยู่ได้ไม่นาน เมื่อแบรนด์ดังถูกขายให้กับบริษัทกุชชี่ กรุ๊ป (Gucci Group) ดีไซเนอร์ซูเปอร์สตาร์นาม ทอม ฟอร์ด (Tom Ford) ที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของกุชชี่ในเวลานั้น จึงเข้ามามีเอี่ยวและยุ่งกับการทำงานของสลิมาน จนเขาต้องตัดสินใจลาออกในที่สุด

ต่อมาสลิมานก็ถูกทาบทามโดย แบรนด์จิล แซนเดอร์ (Jil Sander)  แต่เขาก็ตอบปฏิเสธตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ ล้วเลือกที่จะย้ายไปเบอร์ลินเพื่อกลับสู่วงการศิลปะและการถ่ายภาพที่เขาหลงรัก

Hedi Slimane

การกลับสู่วงการแฟชั่นอีกครั้ง ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ Dior Homme

หลังจากนั้นไม่นานต่อมา สลิมานก็กลับเข้าสู่วงการแฟชั่นอีกครั้ง ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์เสื้อผ้าผู้ชายของดิออร์ ออมม์ (Dior Homme) ซึ่ง LVMH เป็นเจ้าของ สลิมานพัฒนาภาพผู้ชายลุคสกินนี่ร็อกเกอร์ที่เขาเคยสร้างไว้ที่ อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ ให้เข้มข้นขึ้นกว่าที่ ดิออร์

เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้นักออกแบบรุ่นใหญ่นาม คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ (Karl Lagerfeld) ถึงกับยอมลดน้ำหนักกว่า 40 กิโลกรัม เพื่อให้สามารถสวมชุดดิออร์ที่เอดีออกแบบได้

“เสื้อผ้าที่เขาออกแบบมันดูดีมากในไซส์ EU44 และ EU46 ดังนั้นผมจึงต้องลดน้ำหนักเพื่อขนาดตัวจะได้เล็กลง เพราะทุกสิ่งในโลกแฟชั่นมักจะดูดีกว่าในไซส์จิ๋ว” ดีไซเนอร์คนดังกล่าว

นอกจากนั้นแล้ว ทางฝั่งนักแสดงชาย ฮอลลีวูด อย่าง แบรด พิตต์ ก็เลือกสวมชุดสูทของดิออร์ที่ สลิมาน ออกแบบเช่นเดียวกันในงานแต่งของเขากับ เจนนิเฟอร์ อนิสตัน แม้แต่มาดอนน่า ก็ยังใส่เสื้อผู้ชายที่สลิมานออกแบบ ขึ้นคอนเสิร์ดอีกด้วย เนื่องจากเสื้อผ้าที่เขาออกแบบนั้นมีขนาดเล็กมาก จนผู้หญิงเองก็สามารถสวมใส่มันได้

ในปี ค.ศ.2002 สลิมาน ยังเป็นดีไซเนอร์ออกแบบเสื้อผ้าผู้ชายคนแรกที่รับรางวัล CFDA Award สาขา International Designer of the year ของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีเดวิด โบวี่ แฟนคลับคนดังเป็นคนมอบรางวัลให้กับมือ

ด้วยเหตุนี้ สลิมานจึงกลายมาเป็นขวัญใจเหล่าร็อกเกอร์ทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ โดยสลิมานกลายเป็นนักออกแบบ ที่สร้างสรรค์เสื้อผ้าให้นักร้องเพลงร็อกใส่ขึ้นคอนเสิร์ตมากมาย ในขณะที่พวกนักร้องดังก็ต่างทำเพลงพิเศษให้สลิมานไว้จัดแสดงโชว์แฟชั่นด้วย

Hedi Slimane

ออกแบบเสื้อผ้าสกินนี่ ขวัญใจชาวร็อกเกอร์ โดนวิจารณ์หนักแต่ไม่สนใจ

ใช่ว่าทุกคนจะหลงใหลกับสิ่งที่ สลิมาน ออกแบบในช่วงนั้น ครั้งหนึ่งนักวิจารณ์แฟชั่นนาม เคที่ ฮอร์น จาก The New York Times ก็เคยเขียนบทความจิกกัดเอดีว่า “ถ้าไม่มีรูปแบบเสื้อผ้าเทเลอลิ่งเข้ารูปและการแคสติ้งนายแบบที่เป็นคนจริงๆ จากราฟ ซิมอนส์ สลิมานวันนี้ก็คงไม่มีทางแจ้งเกิด” นอกจากฮอร์นแล้ว ก็ยังมีสื่อสายแฟชั่นและคนใหญ่คนโตอีกมากมายที่เขม่นสลิมานเช่นกัน

แม้ว่ายอดขายดิออร์ ออมม์ จะพุ่งปรี๊ด แต่เอดีก็ต้องฝ่าเสียงวิจารณ์ต่าง ๆ นานา แบบไม่หยุด ทั้งต่อว่าเรื่องกางเกงทรงสกินนี่ที่รัดรูปจนขาเป็นตะเกียบเกินไป หรือเสื้อผ้าที่ดูคลุมเครือไม่รู้ว่าหญิงหรือชาย ในปี ค.ศ.2006 สลิมานจึงตัดสินใจสะบัดหน้าไม่ต่อสัญญากับห้องเสื้อดิออร์ ออมม์ ในที่สุด

เพียงชั่วข้ามคืน สิ่งที่ขัดใจใครหลายคนก็กลายเป็นเทรนด์กระแสหลัก เพราะเหล่าแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นต่าง ๆ ก็พากันผลิตกางเกงยีนส์ทรงสกินนี่ และเสื้อผ้าขนาดพอดีตัวออกมาวางขายทั่วโลก กลายมาเป็นเสื้อผ้าที่ผู้ชายใส่กันมาอีกพักใหญ่ แม้แต่แบรนด์ที่ถูกปลุกคืนชีพใหม่อย่างบัลแมง (Balmain) ภายใต้การควบคุมของคริสตอฟ เดอการ์แนง (Christophe Decarnin) ก็ดึงเอารูปแบบที่เอดีทำไว้กับดิออร์ ออมม์ มาตัดแต่งพันธุกรรมใหม่ให้เป็นภาคผู้หญิง

หลังจากลาโลกแฟชั่น สลิมาน ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการถ่ายภาพตามเมืองใหญ่อย่างลอนดอน ปารีส เบอร์ลิน และแอลเอ ก่อนจะกระโดดเข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ อีกครั้งหนึ่ง ด้วยคำแนะนำของปิแอร์ แบร์เช

คราวนี้เขาทำการปฏิวัติห้องเสื้อขนานใหญ่ด้วยการตัดชื่อของดีไซเนอร์ผู้ก่อตั้งทิ้งซะ ให้กลายเป็นชื่อตามยุคต้นฉบับของแบรนด์ที่เรียกเพียง แซงต์ โลรองต์ (Saint Laurent) แบบในปัจจุบัน แต่ทั้งนี้การปล่อยเสื้อผ้าคอลเล็กชั่นแรกของสลิมานก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เพราะนี่คือฤดูกาลที่ ราฟ ซิมอนส์ ดีไซเนอร์อีกคนที่เคยถูกนำมาเปรียบเทียบกับเขา เริ่มทำงานเป็นนักออกแบบใหม่ที่ห้องเสื้อดิออร์เช่นกัน จนถึงขนาดว่านิตยสารแฟชั่นอุตสาหกรรม WWD ต้องพาดหัวข่าวใหญ่ว่า “Paris Face Off”

ดีเอ็นเอความเป็นร็อกเกอร์ของสลิมานถูกนำกลับมาใช้อย่างเต็มที่ที่แซงต์ โลรองต์ โดยเห็นได้จากคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าผู้ชายและเสื้อผ้าผู้หญิงที่ทำให้เรานึกถึงตัวพ่อและตัวแม่ของวงการอย่าง เคิร์ต โคเบน และคอร์ตนีย์ เลิฟ หรือเป็นภาพแบบร็อกเกอร์รุ่นใหญ่ มิก แจ๊กเกอร์

เสื้อผ้าที่ทำลายเส้นแบ่งระหว่างเพศ เป็นซิลลูเอตขนาดเล็ก กลายร่างเป็นลุคเท่ของเด็กวัยรุ่นทั้งชายและหญิงของแอลเอในที่สุด ไม่น่าแปลกใจที่เสื้อผ้าแบรนด์ฝรั่งเศสภายใต้การออกแบบของสลิมานถึงโดนใจวัยรุ่นหมู่มาก

ไม่ว่าจะ รองเท้าบู๊ตหนังกึ่งส้นสูงของผู้ชาย กระเป๋าสะพายผู้หญิง ไปจนถึงเสื้อผ้าแบบเดย์แวร์หน้าตาบ้าน ๆ ที่ใช้วัสดุคุณภาพเยี่ยม กลายมาเป็นสินค้าทำกำไรของแบรนด์แซงต์ โลรองต์ ในยุคสลิมาน จากที่เคยขาดทุน จนกลายมาเป็นแบรนด์ ทำกำไรอันดับหนึ่งติดกันถึง 4 ปีซ้อน ก่อนที่เขาจะตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับแบรนด์ดังแล้วลาลับกลับไปสู่โลกช่างภาพศิลปะอีกครั้งหนึ่ง

จนเมื่อกลุ่มบริษัทแฟชั่น LVMH ประกาศข่าวเซอร์ไพรส์ว่า ดีไซเนอร์คนเก่งนาม เอดี สลิมาน จะมากุมบังเหียนแบรนด์เซลีน แทนนักออกแบบคนเดิมนาม ฟีบี้ ไฟโล (Phoebe Philo) ซึ่งเป็นไปตามคาดว่าในการมาครั้งนี้เขาได้มีอิสระในการออกแบบอย่างเต็มที่ ทั้งการปรับโลโก้แบรนด์กลับไปเป็นแบบในอดีต และแน่นอนว่าซิลลูเอตอันเป็นซิกเนเจอร์ของสลิมานอย่าง “สไตล์ร็อกบวกความสกินนี่” ได้กลับมาอีกครั้งในคอลเล็กชั่นสุภาพบุรุษคอลเล็กชั่นแรกจาก Celine (เมื่อ Hedi Slimane กลับมาทวงบัลลังก์คืนที่แบรนด์ Celine)

Hedi Slimane

Hedi Slimane ได้สร้างยอดขายของ Celine เติบโตขึ้นถึง 115% หรือประมาณราวๆ 5 หมื่นล้านบาท ภายในไม่กี่ปี และคาดว่าลิซ่าเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ตีตลาดเอเชีย และเมื่อไม่นานมานี้ได้ประกาศให้ Lisa Blackpink เป็น GLOBAL AMBASSADOR คนแรกของ Celine ในรอบ 70 ปี หลังจากที่ในปี 2018 เป็นเพียง Muse ในกับแบรนด์เท่านั้น

ติดตามเว็บไซต์น่าติดตามเพิ่มเติมได้ที่ >> ดูซีรี่ย์

บทความอื่น ๆ ที่แนะนำ >> กระเป๋ารุ่นฮิตราคาพุ่ง