Brand name fashion updates
Brand Name เปิดแบรนด์ที่หลายๆท่านนั้นจะต้องรู้จัก มีติดตัวแล้วปังแน่นอน
Brand name fashion updates
Brand Name เปิดแบรนด์ที่หลายๆท่านนั้นจะต้องรู้จัก มีติดตัวแล้วปังแน่นอน

Yohji Yamamoto ดีไซเนอร์ชื่อก้องโลก หนึ่งในห้องเสื้อสัญชาติญี่ปุ่น ผู้วิ่งหนีแฟชั่น

Yohji Yamamoto

Yohji Yamamoto ดีไซเนอร์ชื่อก้องโลก หนึ่งในห้องเสื้อสัญชาติญี่ปุ่น ผู้วิ่งหนีแฟชั่น

Yohji Yamamoto ในวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ ดีไซเนอร์วัย 70 ปี โยจิ ยามาโมโต้ ซึ่งงานออกแบบแฟชั่นของแต่ละชุดของเขานั้น จะเห็นได้จัดเจนมาก ๆ ว่า คือการใช้สีดำ และการใช้โคร่งเสื้อผ้าที่มีขนาดใหญ่ หรือแบบ Oversize เกินรูปร่างจริงของนางแบบ ซึ่งเขาประสบความสำเร็จบนเวทีแฟชั่นโลกที่กรุงปารีสมาแล้ว ซึ่งเรื่องราวการออกแบบและคิดงานแฟชั่นของเขาเป็นที่น่าสนใจอย่างมาก

หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จจากการสร้างชื่อเสียงที่กรุงปารีสนั้น โยจิ ก็มักจะใช้ สีดำ และ โครงเสื้อโอเวอร์ไซซ์ ในทุกคอลเลคชั่นที่เขาออกแบบเลยก็ว่าได้ จนกลายเป็น ซิกเนเจอร์ ที่ใช้มาตลอด 32 ปีในอาชีพดีไซเนอร์

ทำไมการใช้สีดำ และการตัดโอเวอร์ไซซ์ บางทีดีไซเนอร์รุ่นหลัง ตอบไม่ได้ว่ามาจากอะไร แต่โยจิ สามารถให้คำอธิบายได้หมด เพราะเรื่องราวชีวิตของเขา คือคำตอบทั้งหมดนั้น ทำไมใช้สีดำทุกครั้ง และทำไมต้องตัดเสื้อผ้าขนาดใหญ่เกินตัว?

ชีวิตที่เกิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พร้อมเสียงระเบิดในกรุงโตเกียวตลอดเวลา เป็นความมืดมนของชีวิตที่เศร้า พ่อซึ่งจากกันไปเมื่ออายุสองขวบเนื่องจากสงคราม ความเศร้าของแม่ ความตายของพ่อ และภาวะสงครามในโตเกียว มันเป็นสีดำสำหรับเขา นั่นคือที่มา…ทำไมทุกคอลเลคชั่นของโยจิ ยามาโมโต้ จึงมีสีดำ ไชยยง รัตนอังกูร บรรณาธิการบริหาร นิตยสารวอลล์เปเปอร์ ประเทศไทย กล่าว

เสื้อผ้าโอเวอร์ไซส์เป็นเหตุผลมาจากโยจิเห็นสภาพผู้หญิงญี่ปุ่นช่วงแพ้สงคราม ช่วงที่แม่ลำบากต้องดูแลเขา เขามองว่าผู้หญิงต้องได้รับการดูแล ผู้หญิงญี่ปุ่นส่วนหนึ่งต้องสร้างความสบายใจให้ทหารอเมริกันที่เข้ามา เขารู้สึกว่าผู้หญิงญี่ปุ่นต้องแบกภาระการเป็นผู้แพ้สงคราม เสื้อผ้าของโยจิจึงเป็นเสมือนการให้ความคุ้มครองผู้หญิง ปกป้องผู้หญิงทั้งจากสภาพอากาศ สายตาผู้ชาย และหยิบยกปรัชญากิโมโนญี่ปุ่นมาใช้ด้วย สะท้อนทั้งวิธีคิดและความรู้สึกที่อยู่ภายในใจ ซึ่งเขาทำมาจนถึงปัจจุบัน

การออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจมากจากความโศกเศร้าและการสูญเสีย

โยจิ ยามาโมโต้ พยายามทำ ‘โครงสร้างของการตัดเย็บ’ ในเชิง สถาปัตยกรรม เพื่อให้เสื้อผ้ามีขนาดใหญ่มาก ๆ เหมือนจะใส่ไม่ได้ แต่จริง ๆ แล้ว ข้างในมีการออกแบบด้าน ‘โครงสร้าง’ ด้วยฝีมือระดับ ช่างเย็บเสื้อชั้นสูง ซึ่งเมื่อคนใส่แล้วสามารถควบคุมเสื้อผ้าชุดนั้นได้

เขาศึกษาการตัดเย็บอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้เสื้อผ้าคงรูป และให้ความรู้สึกได้จริง ไม่ใช่เพียงว่าออกแบบแล้วตัดเย็บออกมาได้จริง แต่ไม่ได้ให้พลังอย่างที่ต้องการ” ไชยยง กล่าวถึงวิธีการทำงานของ โยจิ ยามาโมโต้ ขณะนำชมนิทรรศการ ชีวิต ความคิด และผลงาน ของ โยจิ ยามาโมโต้ แฟชั่นดีไซเนอร์ผู้วิ่งหนีแฟชั่น หรือ Wallpaper* x Siam Center present YOHJI YAMAMOTO ซึ่งจัดแสดง ณ พื้นที่ไอเดีย อเวนิว ชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์ วันนี้-11 พฤศจิกายน พ.ศ.2557

Yohji Yamamoto Fall 2021

โยจิ ยามาโมโต้ มีคำว่า นัวร์ (noir) ซึ่งแปลว่า มืด ในภาษาฝรั่งเศษ หรือหมายถึงความโลกมือในบางอย่างของญี่ปุ่นซุกซ่อนอยู่ในสไตล์ของเขาตลอดมา ทำให้แบรนด์เขามีเอกลักษณ์อย่างแข็งแรงมาตลอด ภาณุ อิงคะวัตนักสร้างสรรค์งานโฆษณา และนักออกแบบแฟชั่น กล่าวในวันที่ไปร่วมงานเปิดนิทรรศการ

ตอนนั้นยุโรปคือเจ้าแห่งแฟชั่น มีทั้งคริสเตียน ดิออร์, อีฟ แซงต์ โลรองต์, กุชชี่ การที่ตะวันออกจะไปเหยียบเวทีโลก ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในช่วงนั้นต้องถือว่าประเทศญี่ปุ่น -ไม่ใช่เฉพาะวงการดีไซเนอร์- ต้องการทะยานไปอยู่บนเวทีโลก คล้าย ๆ เกาหลีใต้วันนี้ ไม่ว่ารถ เพลง หนัง วัฒนธรรม แฟชั่น เขาพยายามหยิบดีไซเนอร์หรือผลงานของเขาขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีโลก ถือเป็นการบุกเบิกครั้งสำคัญของญี่ปุ่น” ภาณุกล่าว

และเล่าต่อไปว่า ญี่ปุ่นตัดสินใจเลือกเปิดตัวที่ปารีส ดินแดนซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์กลางของแฟชั่น ไปด้วยกัน 3 แบรนด์ คือ กอม เด การ์ซง (Comme des Garcons), อิซเซ่ มิยาเกะ (Issey Miyake) และ โยจิ ยามาโมโต้

ตอนนั้นโลกแฟชั่นคือโลกของสีสัน ญี่ปุ่นเอาความดำเข้าไปใส่แฟชั่นยุโรป ซึ่งทำให้คนแตกฮือเพราะไม่เคยเห็นแฟชั่นอะไรแบบนี้ โดยเฉพาะทุกคนเป็นกบฎทางแฟชั่น ไม่มีใครทำแฟชั่นออกมาเป็นสาวสวยเซ็กซี่แบบยุโรป ทุกคนมาด้วยจุดยืนที่ชัดเจน เพื่อมาหัก(break)วิธีการทำงานแฟชั่นของยุโรป ทุกแบรนด์ที่ไป…หยิบความเป็นญี่ปุ่นไปด้วย นี่คือความแตกต่าง และเขาทำให้โลกเห็นความเป็นญี่ปุ่นและคุณค่าความเป็นญี่ปุ่น กอม เด การ์ซงยืนอยู่บนความเป็นการ์ตูนอยู่เยอะมาก ลูกเล่นสนุก, อิซเซ่ มิยาเกะ หยิบเอาความเป็นงานฝีมือของญี่ปุ่น การพับกระดาษ(origami) โยจิหยิบความนัวร์ของญี่ปุ่น จากชีวิตที่เขาเติบโตมาในญี่ปุ่นยุคสงคราม มาปั้นเป็นแนวคิดคอนเซปต์ของแบรนด์ เป็นความเก่งของแต่ละคน” ภาณุ กล่าว

Yohji Yamamoto

แต่ถ้าคิดจากมุมมองของนักวิชาการแฟชั่น ผศ.อโนทัย ชลชาติภิญโญ ผู้เชี่ยวชาญด้านแบรนด์แฟชั่น ภาควิชาวิทยาการสิ่งทอ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้ความเห็นว่า

การที่ ดีไซน์เอเชีย จะไปแทรกอยู่ในปารีสได้ต้องมีความพิเศษจริง ๆ สิ่งหนึ่งที่อยากให้ทุกคนมองจากการชมนิทรรศการนี้คือ วิธีคิดงาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแรงบันดาลใจหรือคอนเซปต์ แต่เป็น วิธีการทำแฟชั่น ซึ่งเป็นองค์รวมใหญ่

ถ้าเรากลับมามองว่าคนยุโรปคิดงานอย่างไร จะพบว่าคนยุโรปคิดงานอย่างเอาตัวคนเป็นที่ตั้ง (bodyconcious) เอาหุ่นซึ่งมีอกเอวสะโพกเป็นที่ตั้ง ทำแพทเทิร์นอยู่บนรูปร่างสามมิติ ขณะที่คนญี่ปุ่นถ้าเราไปดูเคนโซ่, อิซเซ่ มิยาเกะ, เรอิ คาวาคูโบ, โยจิ ทุกคนสร้างเสื้อโดยไม่พะวงรูปร่าง แต่สร้างประติมากรรมของคนขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นค่านิยมหลักของคนญี่ปุ่นเลย

ถ้ากลับไปดูเป็นรายกรณี คนญี่ปุ่นทำการ์ตูน การ์ตูนก็จะไม่มีจริง แต่ตั้งอยู่บนลักษณะพื้นฐานของสัตว์บางชนิด แต่ออกมาแล้วไม่เป็นสัตว์ตัวนั้น ออกมาเป็นสิ่งที่ปฏิวัติวงการการ์ตูนมาก ๆ พอกลับมาดูแฟชั่น เราจะเห็นว่าของญี่ปุ่นโดยเฉพาะโยจิ สร้างตัวประติมากรรมขึ้นมาใหม่ เป็นคนใหม่ที่มีอกเอวสะโพกแบบใหม่ ที่มีขนาดอย่างใหญ่มาก หรือเล่นกับความดำ-ความมืดก็แล้วแต่ แต่โครงของมันไม่ปกติ วิธีคิดงานต้องไม่เหมือนคนอื่น

Yohji Yamamoto

โยจิ ยามาโมโต้ ดีไซเนอร์ชาวเอเชีย มีวิธีคิดงานอย่างไม่เหมือนใคร ในเวทีระดับโลก

ในฐานะดีไซเนอร์รุ่นใหม่ พลพัฒน์ อัศวะประภา ยอมรับว่าชื่อ โยจิ ยามาโมโต้ มีความหมายสำหรับคนทำงานออกแบบสำหรับเขาเช่นกัน

คำหนึ่งที่ผุดขึ้นมาเสมอเมื่อเอ่ยชื่อโยจิคือ ‘ดีไซเนอร์ ออฟ ดีไซเนอร์ส’ มีไม่กี่คนในโลกที่ใช้คำนี้ โยจิสามารถสร้างคำศัพท์หรือวิธีการมองโลกในแบบของเขาได้ชัดเจน อันนี้สำคัญมาก จะสี่สิบปี เจ็ดสิบปี หรือดีไซเนอร์ปัจจุบันนี้ก็ต้องคิดในการสร้างคำศัพท์ของตัวเอง ที่จะใช้สื่อสารกับคนใส่เสื้อผ้าของเรา อันนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นมาก

โยจิถ่ายทอดผลงานการออกแบบแฟชั่นของเขา ด้วยแพทเทิร์นที่ภาษาคนทำเสื้อเรียกว่า deconstructing (ลดทอนรูปแบบ) โยจิเอาแพทเทิร์นของคนยุโรปมาเททิ้งออกไปหมด

เขาเป็นหนึ่งในช่างเสื้อชั้นสูงของญี่ปุ่น แต่วิธีเพราะเขาใช้ตัดเย็บเสื้อผ้า คือการใช้วิธีลดทอนรูปแบบ มุมมองของเขาไม่ว่าจะเป็นแบบมืด แบบลดทอนรูปแบบ เขาถ่ายทอดผ่านคำศัพท์ผ่านวัฒนธรรมการมองของเขา การออกแบบเสื้อผ้าของเขาเป็นมากกว่าเสื้อผ้า เสื้อผ้าเขาไม่ว่ากี่สิบปีผ่านไป ไม่มีคำว่ายุค ไม่มีคำว่าสมัย ทุกอย่างเราจะมองเห็นตัวตนของเขาชัดเจน

นิทรรศการ Wallpaper* x Siam Center present YOHJI YAMAMOTO แบ่งเป็นโซนต่าง ๆ นำเสนอชีวิตบนเส้นทางสายแฟชั่นกว่า 48 ปีของ ‘โยจิ ยามาโมโต้’ ผู้สร้างทฤษฎีการออกแบบแฟชั่นที่ท้าทายคนทั้งโลก อัตชีวประวัติที่หล่อหลอมความเป็นตัวเขาเอง

โซนที่เล่าเรื่องการพิสูจน์ตัวตนครั้งแรกที่กรุงปารีส เปิดตัวแบรนด์เสื้อผ้าสตรีของตัวเองในนาม Y’s การเผชิญ และสยบคำท้าท้ายจากแบรนด์เจ้าถิ่น จนกระทั่งได้รับคำเชิญให้ร่วมสร้างสรรค์ผลงานในลักษณะ Collaboration กับแบรนด์ Hermes, Mikimoto, Mandarina Duck และการสร้างแบรนด์เสื้อผ้ากีฬา-สตรีทแวร์ในชื่อ Y-3 ร่วมกับอาดิดาส เป็นอาทิ

โซนภาพถ่าย เป็นการแสดงผลงานคอลเลคชั่นฤดูหนาวปี 2014 ยังคงไว้ซึ่ง DNA ในงานออกแบบของเขา แต่เพิ่มเติมด้วยการทำงานร่วมกับศิลปินญี่ปุ่น Yasuto Sadada ด้วยการเพ้นท์มือวาดลวดลายต่าง ๆ บนชุดเดรสและเสื้อโค้ตที่ทำจากวัสดุหนังเกรดเอ ผลลัพธ์ที่ได้คือความสดใหม่ในผลงานแฟชั่นที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางด้านงานฝีมือ

โซนจัดแสดงคอลเลคชั่น โยจิ ยามาโมโต้ จากนักสะสมแฟชั่นคนไทย ชุลิตา อารีย์พิพัฒน์กุล, ทินกร อัศวรักษ์, ชยิน รุจิรัตนา และนักสะสมจากต่างประเทศที่ล้วนหาชมได้ยาก 20 อาร์ทพีซ ชุดต่าง ๆ เหล่านี้แสดงให้เห็นอิทธิพลด้านงานดีไซน์ที่โยจิมีต่อวงการแฟชั่นโลก เช่น โครงเสื้อแจ๊คเก็ตหลวมที่ไร้โครงสร้างชัดเจน รายละเอียดตกแต่งที่ถูกลดทอนลงจนเกือบจะไม่มีบนเสื้อโค้ท และชุดกระโปรงทรงตรงง่าย ๆ ที่ไร้ความสมมาตรบนผ้าสีดำสนิท ทำให้กลุ่มลูกค้าของ Y’s และ Yohji Yamamoto ถูกเรียกว่า ชนเผ่ากา (karasu-zoku)

โยจิ ยามาโมโต้ คว้ารางวัลการออกแบบจากหลายเวที เช่น รางวัล 26th Fashion Editors Club (FEC)Award, Tokyo, รางวัล 4th Mainichi Fashion Award, Tokyo, รางวัล Night of Stars Award from Fashion Group, New York และ 18th Annual Council of Fashion Designers of America (CFDA) Awards’ “International Award”, New York เป็นต้น

ผลงานของโยจิยังได้รับการจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะชั้นสูงทั่วโลก เช่น Modern Art Gallery of the Palazzo Pitti (Firenze, Italy), Musee de la Mode et du Textile (Paris, France) และ Victoria & Albert Museum in London อีกด้วย

แหล่งอ้างอิงข้อมูล : UFABET

ติดตามเว็บไซต์น่าติดตามเพิ่มเติมได้ที่ >> อนิเมะ

บทความอื่น ๆ ที่แนะนำ >> รองเท้า Timberland