ทำความรู้จักกับ ” Guo Pei ” ดีไซเนอร์ชาวจีนสุดแซ่บ เทียบเท่า Alexsander McQueen แห่งเอเชีย
Guo Pei ภาพชุดสีเหลือง แบบนกคานารี สุดอลังการโดดเด่น บนเรือนร่างของ นักร้องสาว รีฮานน่า ภายในงาน New York’s Met เมื่อปี 2015 กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนพูดคุยกันไปทั่วโลก ด้วยความประณีตแบบ สุดอลังการ ด้วยน้ำหนักกว่า 25 กิโลกรัม ทำให้ดีไซเนอร์ ผู้ออกแบบชุดนี้จากแดนมังกร อย่าง กัว เป่ย ได้รับการการันตีว่า เป็นดีไซเนอร์โอต์กูตูร์ คนแรกของจีน กลายเป็นที่รักจักไปทั่วโลก
กัว เป่ย คือใคร?
กัว เป่ย คือเจ้าของห้องเสื้อชั้นสูง แห่ง โรส สตูดิโอ ที่คอยบริหารทีมงานกว่า 450 คน และออกแบบเสื้อผ้า แฟชั่นสำหรับชั้นชนสูง ให้แก่กลุ่มลูกค้าชาวจีน ที่นิยมแฟชั่น โอต์ กูตูร์ ไม่ว่าทั้งดารา คนดัง และนักการเมือง ต่างต้องแวะเวียนเข้ามา ปรึกษาและใช้บริการอยู่ที่นี่เสมอ
เมื่อช่วงเดือน มกราคม ปี 2559 เธอได้รับเชิญจากสมาพันธ์ ห้องเสื้อแฟชั่นชั้นสูง ของฝรั่งเศส ให้ไปร่วมแสดงแฟชั่นโชว์ ในสัปดาห์แห่งแฟชั่นชั้นสูง ณ กรุงปารีส แน่นอนว่าเธอเป็นดีไซเนอร์ชาวจีนคนแรก และคนเดียวที่ได้มีโอกาสเข้าไปจัดแสดงผลงานในครั้งนี้
ในเดือนเมษายน ปี 2559 กัวเป่ย ก็ได้รับการยกย่องจากนิตยสาร Time ในฐานะ 1 ใน 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลกโดยคอลเลกชัน Magnificent Gold ของเธอนั้นได้รับการคัดเลือกให้จัดแสดงในนิทรรศการ Costume Institute’s Spring 2558 ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทัน มหานครนิวยอร์ก
นอกจากนี้ เธอยังได้รับคำเชิญให้เดินทางไปจัดแสดงคอลเลกชันโอต์กูตูร์ในงาน Paris Couture Show อีกด้วย
เมื่อเดือนมีนาคม 2560 กัว เป่ย ได้เดินทางมาร่วมงานบางกอก อินเตอร์ เนชั่นแนล แฟชั่น วีค 2017 ที่สยามพารากอน อีกด้วย เธอโชว์ผลงานคอลเลกชันเสื้อผ้าอันสุดอลังการ และยังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนไทยได้ร่วมสัมภาษณ์เส้นทางอาชีพของเธอ ต้องบอกว่ากว่าจะสร้างชื่อเสียงให้กับเมืองจีนและเอเชียได้อย่างทุกวันนี้นั้น ไม่ได้ราบรื่นและง่ายดายเลย
Guo Pei เล่าถึงที่มาหรือจุดเริ่มต้นในเรื่องงานออกแบบดีไซน์ในวงการแฟชั่น
กัว เป่ย เกิดในปี 1967 ปีที่ประเทศจีนยังไม่มีการเปิดประเทศ ซึ่งในยุคนั้นเพิ่งผ่านการปฏิวัติวัฒนธรรม ทำให้ทุกคนอยู่ในสภาพที่ยังไม่ได้มีเสื้อผ้าที่สวยงาม ใส่ยูนิฟอร์มหมด ส่วนใหญ่ชุดสีเทาและสีดำ
กัว เป่ย มองเห็นช่องว่างตรงนั้นจึงเลือกเรียนออกแบบแฟชั่นดีไซน์ในปี 1982 ซึ่งระยะทางของการที่เป็นแฟชั่นดีไซน์จึงเป็นระยะทางที่ยาวนานมาก เธอตั้งใจจะเอาความงดงามของศิลปะจีน เอาศิลปะการปักผ้าแบบโบราณ รวมถึงความรุ่งเรืองของวัฒนธรรมของจีนโบราณเอามาให้ได้ชม รวมถึงการมาเมืองไทยในการมาเมืองไทยในครั้งนี้ด้วย
การเป็นดีไซน์เนอร์ในประเทศจีนนั้นยากมาก ราวกับมองหาต้นไม้สักต้นในโอเอซิส เพราะฉะนั้นกว่าที่จะก้าวมาถึงจุดนี้ มันต้องใช้หลายอย่างมาก การเป็นดีไซเนอร์นี้ ทุกคนอาจจะคิดว่าความทันสมัย ความมีชื่อเสียงนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ในมุมมองของ กัว เป่ย ไม่ใช่ เพราะการเป็นดีไซเนอร์นั้น ต้องมี core หลัก หรือ แกนหลัก อย่างเช่น เทคนิคการตัดผ้าแบบโบราณ หรือการที่ลักษณะลวดลายตามแบบราชสำนักโบราณ พวกนี้คือแกนที่จะทำให้ดีไซเนอร์ยืนยงอยู่ได้นาน และสิ่งนี้คือสิ่งที่กัว เป่ยไปเสาะแสวงหามาตลอด 30 ปี ดีไซเนอร์ที่ดีจึงต้องมี core นั่นเอง
แรงบันดาลใจในการทำงานของเธอ คือสิ่งที่เธออยากจะสื่อออกมาให้ทุกท่านได้รับทราบ ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ในใจ การเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ อย่างเช่น พิพิธภัณฑ์ในต่างประเทศ เช่น อาหรับ หรือ เอเชีย ซึ่งเน้นประวัติของสถานที่ต่าง ๆ ใส่ลงไปในชิ้นงาน เพื่อให้ทุกคนเห็นว่าชิ้นงานของนั่นเน้นเรื่องอะไร เช่น ไปปารีส ก็ได้เห็นโบสถ์ ก็นำมาเป็นแรงบันดาลใจในคอลเลกชันล่าสุด เพราะพอเห็นโบสถ์แล้วก็รู้สึกรักและเอาชิ้นงานที่ได้แรงบันดาลใจจากที่นั่นออกมาให้ชม
กัว เป่ย เล่าว่าการทำงานระดับโลก หรือในระดับไหน ไม่จำเป็นต้องอยู่ในระดับสากล ถึงจะเจอปัญหาและอุปสรรค คุณจะเจออุปสรรคและปัญหาในทุกขั้นตอน ซึ่งตัว กัว เป่ย เองไม่กลัวปัญหา เพราะปัญหาและอุปสรรคนำมาซึ่งโอกาสที่ดีมาให้ พอเจอปัญหาเราก็จะมีพลังต่อสู้ เหมือนได้ออกไปรบกับศัตรู จะรู้สึกแบบนี้ทุกครั้ง ฉะนั้นเราต้องยอมรับและเข้าใจ และชอบปัญหามากกว่าที่จะไม่เจอปัญหา เพราะปัญหาทำให้เราทุกคนเติบโตขึ้นก้าวไปอีกสเต็ปนึงของชีวิต
หากเมื่อพูดถึงเป้าหมายของ กัว เป่ย นั่น ต้องบอกว่าไม่มี เพราะเธอไม่ได้มีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าชีวิตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน ที่ได้เริ่มเรียนดีไซน์ เธอก็ไม่ได้คิดว่าจะมีวันนี้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติคือสิ่งที่ควร แต่คนเราจะต้องมีหน้าที่บางอย่างที่ต้องทำก่อน และสำนึกในชาติของตนเอง ในฐานะดีไซเนอร์ของเธอก็มีหน้าที่ที่จะสื่อในวัฒนธรรมจีน ความงดงามและประวัติศาสตร์ของจีนออกไป
ปัจจัยสำคัญในการก้าวสู่ความสำเร็จในวงการแฟชั่น
กัว เป่ย กล่าวว่า การเป็นดีไซเนอร์ที่ดี จะต้องมีไฟ ซึ่งไฟก็คือแรงบันดาลใจลึก ๆ หรือความกระตุ้น ที่อยากทำ หากถามว่าไฟมาจากไหน ไฟอาจจะมาจากสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เช่น ความรัก รักที่จะทำในสิ่งที่อยากทำ แต่ความรักนี้ ไม่ใช่แค่ความรักธรรมดา เพราะสำหรับมนุษย์ ความรักนั้นคือสิ่งที่สิ่งสิ่งใหญ่ เพราะมันมากับความทุ่มเท ต้องอุทิศทุกสิ่งทุกอย่างลงไป
ให้ผลงานออกมาเป็นชิ้นงาน ซึ่งไม่ใช่ลักษณะที่นักออกแบบรุ่นใหม่ ๆ คิดว่าจะทำฉาบฉวยแล้วจบ ทำให้มันผ่านไปพอให้มีชื่อเสียงแล้วจบ ไม่ใช่แบบนั้น แต่มันคือการกระโดดทั้งชีวิตลงไป เพราะฉะนั้นแล้ว ปัจจัยที่สำคัฯที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในวงการแฟชั่น คือ ถ้าเราไม่มีความรักในงานที่ทำ หรือเป็นความรักแบบลึกซึ้งทุ่มเททั้งชีวิต มันก็จะไม่ประสบความสำเร็จเลย
ในการมาเยือนประเทศไทยครั้งนั้น คือการมาเยือนไทยครั้งแรก เธอจึงอยากนำเสนองานสวย ๆ มาให้ชาวไทยได้ชมกัน ซึ่งตัวคอลเลกชันล่าสุด สปริงซัมเมอร์ จัดอยู่ที่กรุงปารีส เธอก็เลยเอาคอลเลคชั่นก่อนหน้านั้นมาให้ชม ซึ่งชื่อว่า ยุ่ยเจี้ย หมายความว่า การพบปะ คนเราทุกคนจะเริ่มต้นรู้จักด้วยการพบกัน ก็เป็นการแนะนำกันระหว่างฉันกับประเทศไทย
เธออยากที่จะได้รู้จักกับประเทศไทยมากขึ้นและอยากทำความรู้จักกัน อยากจะลองนำศิลปวัฒนธรรมไทยบางอย่างหรือลวดลายบางอย่างนำเข้าไปผสมกับชิ้นงาน เพราะความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนนั้นมีความยาวนาน และเมื่อได้มีโอกาสเข้าไปพระบรมมหาราชวัง ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เธอก็รู้สึกตื่นเต้นมากไม่เคยคิดว่าจะมีชิ้นงานที่พิเศษ สวยงาม และดูสูงส่งขนาดนี้ และเราก็มีสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถที่เป็นที่น่ายกย่องมาก เลยคิดว่าจะนำอิทธิพลของศิลปะไทยลองไปใส่ในชิ้นงานดู นั่นคือความคาดหวังในอนาคตของเธอหลังจากได้มาร่วมงานที่ไทย
ในเรื่องของห้องเสื้อของเธอที่ทำเสื้อผ้าให้กับลูกค้าระดับคนดัง ถ้าเป็นต่างประเทศ การที่จะซื้อเสื้อผ้าที่สั่งเป็นโอต์กูตูร์ซึ่งมันเป็นระดับท็อปมาก ๆ แล้วตัวดีไซเนอร์เอง ก็อยู่ข้างบน จะไม่ลงมากับลูกค้าที่เป็นลักษณะชั้นกลาง แต่สำหรับประเทศจีนไม่ใช่ ดีไซเนอร์จะไม่ได้อยู่ข้างบน
ห้องเสื้อของเธอยินดีต้อนรับทุกคนอย่างเช่นคนธรรมดาอย่างเรา ๆ และยินดีที่จะซ่อมแซมปรับเปลี่ยนทำเสื้อผ้าให้ รู้สึกประทับใจมากที่มีคนแบบนี้เข้ามาหาเพื่อให้ทำเสื้อผ้าให้ และเสื้อผ้าเราก็ไม่ได้อยู่กับคนในช่วงเวลาเดียว แต่จะอยู่กับคนที่เข้ามาสั่งทำตลอดชีวิต มันเป็นการให้ช่วงเวลาดีๆที่สวยงามกับลูกค้า
เธอไม่ได้เหมือนกับแฟชั่นดีไซเนอร์ทั่วไป หรือไม่ได้เดินตามรอยดีไซเนอร์ชื่อดังในต่างประเทศ แต่เธอมีทางเดินของเธอ ถ้าในตู้เสื้อผ้ามีกางเกงยีนส์ร้อยตัวซ้ำ ๆ มันเป็นการเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ เพราะว่ามันซ้ำกัน หรือผู้หญิงบางคนจะซื้อเสื้อผ้าใส่ครั้งเดียวแล้วทิ้งมันดูเสียเปล่า
การที่เราจะซื้อเสื้อผ้าเราต้องชอบก่อน แต่ก็อยากจะทำเสื้อผ้าที่ไม่ใช่แค่ชอบ แต่ให้คนที่ซื้อไปใส่รักไปเลย เพราะฉะนั้นเธออยากจะยืนถึงจุดนั้น เสื้อผ้าที่เธอทำ เธอก็อยากจะให้คนไม่ใช่แค่ชอบ แต่อยากให้รักและอยู่กับลูกค้าไปตลอด
งานโอต์กูตูร์ของเอเชียนดีไซเนอร์ต่างกับเวสเทิร์นดีไซเนอร์อย่างไร
ต้องบอกว่าไม่มีความแตกต่างกัน ระหว่าง โอต์กูตร์เอเชียนกับยุโรป เพราะเหมือนกัน เพียงแค่ว่า เขาอาจจะไม่รู้จักว่าเอเชียนมีดีไซเนอร์ทำโอต์กูตูร์ได้มากกว่า แต่ความจริงในโลกนี้ไม่มีอะไรแตกต่างกัน ตอนที่เธอไปปารีสล่าสุด มีคนปารีสมาบอกว่า เธอเหนือกว่าโอต์กูตูร์ จริง ๆ แล้ว ขอแค่มีความกล้า มีแรงบันดาลใจ มีความรักที่จะทำ เราก็สามารถทำได้
อย่างตอนที่ Rihanna เดินในงานพรมแดง เธออยู่แต่ข้างหลัง ไม่กล้าที่จะเดินไปใกล้ ๆ ได้แต่แอบหลบ เพราะรู้สึกว่าชุดมันหนักมาก และมันร้อน Rihanna จะใส่ยังไง แต่ผลออกมาคือผลตอบรับดีมาก เซอร์ไพรส์มากว่า เสียงตอบรับดีมาก แต่ไม่คิดว่าจะได้อะไรกลับมา ดังคำสุภาษิตจีนที่ว่า “โอกาสจะมาให้สำหรับคนที่เต็มที่และพร้อม ถ้าคุณทำเต็มที่และพร้อมโอกาสจะมาคุณเอง”
การที่ไปถึงระดับสากลจนมีชื่อเสียง ไม่ได้นำชื่อเสียงมาให้แก่ประเทศจีนเท่านั้น แต่นำชื่อเสียงมาให้แก่เอเชียทั้งหมด โดยได้นำความหวังให้แก่ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ว่าการที่ต้องการจะขึ้นไปยืนอยู่ในจุดที่สูงนั้น ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปได้ เพราะนอกจากเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมของประเทศเราแล้ว เรายังมีความหวังที่ให้ดีไซเนอร์รุ่นใหม่รู้ว่าคุณก็ทำได้
แหล่งอ้างอิงข้อมูล : UFABET
ติดตามเว็บไซต์น่าติดตามเพิ่มเติมได้ที่ >> เว็บดูบอลสดฟรี
บทความอื่น ๆ ที่แนะนำ >> Nike Cortez