Brand name fashion updates
Brand Name เปิดแบรนด์ที่หลายๆท่านนั้นจะต้องรู้จัก มีติดตัวแล้วปังแน่นอน
Brand name fashion updates
Brand Name เปิดแบรนด์ที่หลายๆท่านนั้นจะต้องรู้จัก มีติดตัวแล้วปังแน่นอน

burberry พาส่องจุดเริ่มต้นของแบรนด์สุดหรู กับเอกลักษณ์ที่โดนใจ

burberry

burberry จุดกำเนิดของแบรนด์สุดเก่าแก่จากประเทศอังกฤษ

burberry สำหรับแบรนด์เก่าแก่แที่ส่งตรงมากจาก ประเทศอังกฤษ ที่ได้มีอายุมายาวนานมากกว่า 160ปี เพราะด้วยเอกลักาณ์ของแบรนด์ ที่ไม่ว่าจะออกมาแนวไหน ยุคสมัยใด ก็ไม่เคยตกเทรนด์แฟชั่น ไปเลยสักครั้งเดียว และสำหรับแบรนด์Burberry นั้นก็ได้มีการปรับเปลี่ยนูปแบบ มาอยู่เสมอ พร้อมทั้งเอกลักษณ์ของแบรนด์ ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไป ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ต้องบอกเลยว่า สำหรับแบรนด์Burberry ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เราก็จะพาทุกท่านย้อนกลับไป ดูจุดดำเนิด หรือจุดเริ่มต้นของแบรนด์ เพื่อจะได้เข้าใจ และเข้าถึงแบรนด์อัศวินขี่ม้าผู้โด่งดัง ที่ปฎิเสทไม่ได้เลยว่า ทำไมหลายๆคนถึง หลงใหลกับแบรนด์ สุดโด่งดังทั่วโลก เพราะแฟชั่นนั้นไม่มีวันตาย แม้ว่าจะพาเวลา มานานขนาดไหนก็ตาม

จุดเริ่มต้นของ burberry 

burberry
โทมัส เบอเบอรี่ : ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Burberry

สำหรับแบรนด์ที่เก่าแก่มากๆ อย่างประวัติ​แบรนด์​Burberry ที่ได้เริ่มต้นเมื่อ โทมัส เบอเบอรี่ ที่เขานั้นได้เป็นเด็กฝึกงาน ที่ร้านผ้าม่าน ด้วยวัน 21ปี ซึ่งเขาได้อยากที่จะมีความคิด และความฝันว่าเขานั้น ก็อยากที่จะเปิดร้านเป็นของตนเองให้ได้

และในช่วงแรกๆนั้น เขาก็จะมีแนวคิดที่ว่า การเปิดร้านขายเสื้อผ้านั้น คือสำหรับผู้ที่ชื่นชอบ กิจกรรมในกลางแจ้ง อย่างเช่น การตกปลา หรือล่าสัตว์ เพราะเขานั้นก็ได้เป็นนักประดิษฐ์ ที่ได้มีการค้นคว้า คิดค้นในเรื่องของการ ขึ้นรูปแบบผ้านในรูปแบบใหม่ๆ และมีคุณสมบัติที่พิเศษ อย่างการกันน้ำได้เป็นอย่างดี ซึ่งผ้าชนิดนี้คือ ผ้ากาบาร์ดีน (Gabardine)

สำหรับ โทมัส เบอเบอรี่ นั้นเขาได้ เกิดที่เมือง Brockham Green และได้จบการศึกษาที่โรงเรียน Brockham Green Village และเขานั้นก็ได้รับการฝึกงาน ที่ร้านผ้าม่านท้องถิ่น และหลังจากนั้นเขาก็ได้ เปิดกิจการของตนเอง ซึ่งเป็นเพียงแค่ร้านเล็กๆ ที่เมือง Basingstoke

ซึ่งถือว่าเป็นเมือง ที่ค่อนข้างเล็กเลยทีเดียวเชียว เพราะมีผู้คนอาศัยอยู่ในเมืองนี้แค่ประมาณ 4,500 คนเท่านั้น และยิ่งช่วงเริ่มแรก ในปี1856 การออกแบบของเขา ก็จะได้รับแรงบันดาลใจ ที่ส่วนมากจะ มาจากเสื้อผ้าชุดประจำวันของเหล่าทหารพลเรือน (ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1)

โดยความสนใจของตัวเขานั้น ก็คือ ต้องการที่จะพัฒนาผ้า ชนิดที่กันน้ำได้ ทำให้ออกมาได้อย่างดีที่สุด ซึ่งเขาเองก็ได้ค้นพบกับ ผ้ากาบาร์ดีน (Gabardine) ที่ได้ทำมาจากฝ้ายอียิปต์ และมีการผสมผสาน กับนวัตกรรมสมัยใหม่ จึงได้ผ้าที่มีคุณสมบัติ กันน้ำได้อย่างดีเยี่ยม

แถมยังมีคุณสมบัติอย่าง ทนทานต่ออากาศร้อน อากาศเย็น กันฝน และทนต่อสภาพอากาศที่เต็มไปด้วยหิมะ เรียกได้ว่าครบเครื่องมากเลยจริงๆ สำหรับผ้าชนิดนี้ โดยที่ โทมัส เบอเบอรี่ นั้นก็ได้มีการที่จะ คิดค้นผ้าการ์บาดีนนั้นมาก็ เพื่อที่จะปฏิวัติชุดกันฝน

ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะหนัก แถมยังอึดอัดและ ไม่สบายต่อการสวมใส่เลยเสียจริง แต่ภายหลังนั้น สำหรับเจ้าผ้ากาบาร์ดีนนั้น ก็จึงได้รับการจดสิทธิบัตรใน ปี 1888 และ ทำให้Burberry ได้หลายเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกในที่สุด ต้องบอกเลยว่า พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เพราะการค้นคว้า และต้องการที่ จะนำเสนอนั้นมีมากเสียเหลือเกิน

จุดเริ่มต้นของความกว้างขวาง โดยผ้ากาบาร์ดีน

burberry
ผ้ากาบาร์ดีนที่โทมัส เบอเบอรี่ได้ค้นพบขึ้นในปี 1879

สำหรับจุดเริ่มต้น ของแบรนด์ดังๆอย่างนี้ เราเชื่อว่าหลายๆท่านนั้น จะได้รู้จักกับการพัฒนาเสื้อผ้า โดยผ้ากาบาร์ดีน ที่ได้พัฒนาเป็นชุดว่ายน้ำ และถือว่าประสบความสำเร็จเป้นอย่างมาก เพราะทำให้ธุรกิจของเขานั้น ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วมากเลยทีเดียว

และในปี 1881 ที่เขานั้นได้เริ่มก่อตั้ง โรงงานขนาดใหญ่ที่ มีความมุ่งเน้นในการผลิต และขายส่งเสื้อผ้าพร้อม ที่จะสวมใส่ ซึ่งในเวลานั้นเขาจึงได้จ้างคนงาน มากกว่า 200 คน ที่เพื่อจะนำมาเป็นแรงงาน ในการผลิตของเขาโดยทำภายใต้โรงงานนี้นั่นเอง

และพอเวลาล่วงเลยมาพอสมควร โดยชีวิตการเกษียณของ โทมัส เบอเบอรี่ หลังปี 1917 ที่เขานั้นจะใช้ชีวิตโดยการมุ่งเน้น ไปในเรื่องของศาสนา และเป็นทางด้านความเชื่อด้านมนุษยธรรม โดยเขานั้นได้ดูแลตนเเอง และพร้อมที่จะใส่ใจกับสุขภาพมากขึ้น

ร้าน Burberry ที่ Haymarket ในลอนดอน

เพราะโดยบุคลิคและนิสัยของตัว โทมัส เองแล้วนั้นเขานั้น ไม่ใช่คนที่ ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ และยังรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่อีกด้วย และพอสิ่งเหล่านี้ มีอิทธิพลต่อตัวเขา แถมยังติดตัวไปตลอดจน การทำงานของเขา เพราะเขานั้นมีวินัยแม้กระทั้ง สุขภาพของตัวเองเป็นอย่างมาก

และนี่ถึงเป็นสิ่งที่ทำให้ แบรนด์ของเขานั้นได้ดูเป็นระเบียบวินัย นั้นก็เพราะเขาได้ดูแลเอาใจใส่ และละเอียดละอ่อนไปกับการดูแล ธุรกิจของเขาได้อย่างดีที่สุด และนี้คือความแข็งแกร่งของแบรนด์เขา ที่ทำให้หนึ่งแบรนด์จากฝั่งอังกฤษ เป็นสิ่งที่เข้มแข็งอย่างมากที่สุด

และต่อมาในปี 1920 Thomas Burberryก็ได้เสียชีวิตลง อย่างสงบ ในวัย 90 ปี ที่อาศัยอยู่ในบ้านพัก เมือง Hook ใกล้ๆกับ Basingstoke ในปี 1926นั่นเอง แต่ความสำเร็จของเขา ที่ได้มีการสร้างผ้ากาบาร์ดีน โดยได้ทำให้Burberry นั้นก็ได้เป็นที่รู้จัก อย่างกว้างขวาง

และไม่นานนัก ก็เริ่มมีคำสั่งซื้อ จากชนชั้นสูงของโรงแรม Jermyn Street โดยที่ อาเธอร์ (Arthur) ลูกชายของ Thomas ก็ได้เป็นคนที่ทำเรื่องการจัดส่ง ซึ่งเขานั้นก็ได้มีการ จัดส่งสินค้าให้กับ บรรดาลูกค้าของเขา ด้วยรถยนต์ของตัวเอง โดยมีการจัดส่งภายในวันเดียวเท่านั้น และนี้ก็ยิ่งทำให้ธุรกิจของเขานั้น มีสภาพที่คล่องตัวมากยิ่งขึ้น และได้มีการ เปิดร้านใหม่ โดยจะเป็นอาคารขนาดใหญ่ ใน Haymarket ที่มีการได้รับการออกแบบ โดยสถาปนิกชื่อว่า วอลเตอร์ เคฟ (Walter Cave)

สัญลักษณ์อัศวินขี่ม้า กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่

สำหรัยในช่วงปี 1901 ที่ทางบริษัทBurberry นั้นก็ได้มีจัดการแข่งขัน ที่จะออกแบบสัญลักษณ์ ของแบรนด์ขึ้น และที่ชนะรางวัล นั้นก็คือ สัญลักษณ์รูปอัศวินขี่ม้า ซึ่งโดยการออกแบบ ที่จะมีแรงบันดาลใจ โดยมาจากชุดเกราะของอัศวิน ที่จัดแสดง ณ Wallace Collection ในลอนดอน

โดยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Burberry ก็ที่จะใช้สัญลักษณ์ เป็นรูปอัศวินขี่ม้า ซึ่งสำหรับแบรนด์ทางBurberry นั้นก็จะได้มีการปรับเปลี่ยนสัญลักษณ์ โดยของแบรนด์อยู่เสมอ และเพื่อทำให้เข้ากับยุคสมัยได้อยู่เสมอ เพราะการที่แบรนด์นั้นได้มีการปีับเปลี่ยนอยู่เสมอนั่นเอง

และยิ่งในปี 1999 ทางแบรนด์ที่ทางBurberry ก็ได้มีการเปลี่ยนโลโก้แบบใหม่อีกรอบหนึ่ง โดยที่นี้ก็จะมีการออกแบบโดย ผู้อำนวยการศิลป์อย่าง ฟาเบียน บารอน (Fabien Baron) ที่จะเป็นเป็นโลโก้ชิ้นสุดท้าย โดยที่มีอัศวินชุดเกราะขี่ม้า

burberry
การเปลี่ยนแปลงโลโก้ของ Burberry : ประวัติแบรนด์ Burberry

เพราะก่อนสัญญาลักษณ์นี้ นั้นจะได้มีการหายไป จากโลโก้ของBurberry และยิ่งในปี 2018 ก็จะเหลือเพียงโลโก้ที่มีแค่ตัวอักษร แบบที่เรียบง่าย โดยการออกแบบของ พีเตอร์ สวิลล์ (Peter Saville) และได้เป็นแบรนด์แรกเลย ที่มีการถ่ายทอดสดการแสดงแฟชั่นโชว์

โดยการเปิดตัว TweetWalk ที่เป็นครั้งแรก และถือว่าเป็นการทวีตภาพลง ในโซเชี่ยลมีเดียโดยผ่านทาง Tweetter ซึ่งในรอบแสดงคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าสตรี ในฤดูใบไม้ผลิ/ร้อน ประจำปี 2012 และจะมีการโพสท์ภาพในแต่ละลุค ลงในสื่ออนไลน์ก่อนจะมีการเดินโชว์จริงๆนั่นเอง

ติดตามเว็บไซต์น่าติดตามเพิ่มเติมได้ที่ >> เกมออนไลน์