Chloé พบกับจุดเริ่มต้นของ โคลเอ ก่อนจะเป็นแบรนด์สุดหรูระดับโลก
Chloé หากจะพูดถึงแบรนด์ที่เป็น ที่รู้จักกันอย่างกว้างโลก เพราะเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ระดับโลก ที่ได้ประสบความสำเร็จได้อีกหนึ่งแบรนด์ที่น่าทึ่ง ต้องบอกเลยว่า สำหรับจุดเริ่มต้นของแบรนด์นั้น ไม่มีแบรนด์ไหนที่จุดเริ่มต้นจะสวยหรู อย่างที่เราเห็นเช่นทุกวันนี้ ซึ่งก็มีคำพูดที่ได้เป็นแง่คิด และถือว่าเป็นแรงขับเคลื่อน ของแบรนด์ได้อย่างดี โดยคำกล่าวที่ว่า “I have a gift for recognising talent in other” ฉันมีพรสวรรค์สำหรับการยอมรับความสามารถพิเศษของคนอื่น นั้นถือว่าเป็นคำกล่าวที่ให้แง่คิดหลายๆอน่าง และได้เป็นพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ ที่สื่อออกมาในรูปแบบ ของความสดใสสำหรับหนุ่มสาว ที่ได้สร้างแบรนด์นั้นให้มีเสน่ห์กันได้มากขึ้น แถมยังมาพร้อมกับ เอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์ โคลเอ ที่ถือว่าได้เป็นแบรนด์แฟชั่นเฮ้าส์ สุดหรูหราตามสไตล์ฝรั่งเศส หรือเราจะที่เรียกว่า Maison (เมซง) ที่ได้เป็นแบรนด์เสื้อผ้าหรู พร้อมสวมใส่ที่มีการก่อตั้งโดย กาบี อากียง (Gaby Aghion) โดยวันนี้เราจะพาทุกท่าน ไปรับรู้เรื่องราวความเป็นมา ของแบรนด์อย่าง Chloé ที่ได้สร้างภาพลักษณ์ใหม่ๆ ให้แบรนด์โดยจะสามารถเปรียบเสมือน กับหญิงสาวผู้อ่อนหวาน ที่จะต้องเดินทางผ่านยุคต่างๆ จนกระทั่งเติบโต กลายเป็นหญิงสาว ที่มีเสน่ห์รู้จักและได้เลือกสิ่ง ที่เหมาะกับตัวเองอย่างที่สุด
เริ่มต้นเดินทางย้อนรอยไปกับ Chloé
สำหรับแบรนด์Chloé เองนั้นก็ได้มีจุดเริ่มต้นที่ กาบี อากียง (Gaby Aghion) ซึ่งเธอนั้นเอง ก็ได้เป็น แฟชั่นดีไซเนอร์ โดยเป็นชาวฝรั่งเศส ซึ่งเธอนั้นก็ได้เกิดที่เมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ ซึ่งเธอเองนั้นก็ได้ เป็นลูกสาวของผู้จัดการโรงงานบุหรี่ เลยทีเดียว
และตัวเธอเองนั้นก็ได้ มาพบกับ เรย์มอนด์ อากียง (Raymond Aghion) ซึ่งสำหรับสามีของเธอเองนั้น ในตอนที่เขาอายุ 7 ขวบ ที่โรงเรียนประถมศึกษา เรย์มอนด์ซึ่งก็ได้เกิดในครอบครัวผู้มั่งคั่ง ที่ได้ทำธุรกิจส่งออกฝ้าย ซึ่งทั้งคู่ นั้นก็ได้เป็นชาวยิว และแต่งงานกันตอนอายุ 19 ปีเท่านั้น
เมื่อได้เริ่มมีปัญหา ในเรื่องของความไม่สงบ ทางการเมืองได้เกิดขึ้น จึงทำให้ชาวอียิปต์ ที่ได้มีแนวคิด ในแบบชาตินิยมก็ ได้เริ่มขึ้นมาต่อต้าน ชาวยิวจึงทำให้ชาวยิว จำนวนไม่น้อยที่ต้อง ถูกบังคับให้เดินทาง ออกจากเมืองไป ทำให้พวกเขาทั้งคู่นั้น
ต้องลี้ภัยและทำการย้าย ไปอยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศษในปี 1945 ถึงแม้ว่าเธอนั้น ได้มีชีวิตที่สุขสบาย แต่ตัวเธอเองนั้น ก็มุ่งมั่นที่จะได้ บอกกับสามีของเธอว่า เธอต้องการที่จะทำงาน และงานแฟชั่นก็เป็นสิ่ง ที่เธอนั้นได้เลือก จึงทำให้เธอนั้นได้ ทำการเริ่มตัดเย็บ ชุดผ้าฝ้ายขึ้นมา
ภายในอพาร์ตเม้นต์ของเธอเอง พร้อมกับใช้ชื่อ ของเพื่อนเธอเอง เป็นชื่อแบรนด์ว่า Chloé และได้มีการเปิดตัว ขึ้นภายในปี 1952 นั่นเองดังนั้นแล้ว จึงทำให้แบรนด์ Chloé นั้นถือว่าเป็นอีก หนึ่งทางเลือกสำหรับ ผู้ที่ต้องการในความ โดดเด่นมีความทันสมัย และหรูหรา ตามแบบฉบับของแฟชั่น โอต์ กูตูร์
ซึ่งภายในตัวแบรนด์เอง ก็ได้มีการนำเสนอ ชุดเสื้อผ้าที่หรูหรา ทันสมัย มีการตัดเย็บด้วยผ้าเนื้อดี มีคุณภาพที่สูง และมีรายละเอียดที่สละสลวย และด้วยความที่ Gaby Aghion นั้นไม่ชอบรูปแบบ ความเคร่งขรึม ของแฟชั่นในช่วงยุค 1950 จึงทำให้เธอนั้น ได้ออกแบบเสื้อผ้าโดยที่
จะเน้นไปในความอ่อนหวาน และความเข้ากับสรีระของผู้หญิง ที่ได้ถูกสร้างขึ้นมา จากผ้าเนื้อดีที่ถูกเรียกว่า “Luxury-prêt-à-porter” หรือว่าชุดหรูหรา ที่พร้อมสวมใส่นั่นเอง และต่อมาในปี 1953 ทางGaby Aghion ก็ได้มีการร่วมมือกับ ชาคส์ เลอนัวร์ (Jacques Lenoir) ที่ได้ให้เขาเข้ามาช่วยในการจัดการ ในเรื่องของธุรกิจ
ที่เป็นทางการให้กับ Chloéเองด้วย และในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ สำหรับการออกแบบของแบรนด์นั้น ก็ได้รับการดูแลโดย Gaby Aghion ที่ได้เป็นแฟชั่นโชว์ครั้งแรกของChloé เองด้วย นั้นก็คือ Spring Summer Collection 1958 ที่ได้มีการจัดขึ้นที่ร้าน Café de Flore
ที่ได้กลายมาเป็นที่นัดพบ และจะมีการรวมตัวกัน ของเหล่าบรรดาศิลปินที่มีชื่อเสียงต่างๆ และถือได้เลยว่าเป็นศูนย์กลาง ทางปัญญาของบรรดาหนุ่มสาวชาวปารีสได้อย่างดีเลยทีเดียว และจากตอนนั้นมา ในช่วงกลางยุค 1960s ทางแบรนด์ก็ได้มีการจัดแฟชั่นโชว์ในร้านกาแฟอื่นๆ ที่มีชื่อเสียง
อย่างเช่น การที่ได้มีการ จัดแฟชั่นโชว์ที่ des Lilas ที่ร้านกาแฟชื่อดัง โดยได้มีการจัดที่นั่ง ของสื่อมวลชนไว้อยู่รอบๆ และบนโต๊ะมีการเสิร์ฟเครื่องดื่ม café au lait ในขณะที่ชมการแสดงโชว์ของบรรดานางแบบที่เดินเข้ามา และผ่านออกไปจากโต๊ะที่สื่อมวลชนนั่งอยู่นั่นเอง
แรงบัลดาลใจ ของหนุ่มสาวนักออกแบบ
สำหรับการออกแบบ สุดจะโรแมนติก และมีความเย้ายวนหัวใจของแบรนด์อย่างChloé นั้นก็ได้เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจจากบรรดาหญิงสาว และได้เริ่มแนวคิดในการออกแบบนี้ ได้ประสบผลสำเร็จอย่างมากเสียจริง และถือว่าเป็นไป ตามความคาดหมายของ Gaby Aghion
ที่เขาเองนั้นได้มีการตั้ง ข้อกำหนดแบรนด์เอาไว้ โดยที่เธอเองนั้นก็ได้มีความเชื่อมั่น ในพรสวรรค์ของคนรุ่นใหม่ และไว้วางใจให้ เชอราร์ด ปิปาร์ท (Gérard Pipart) ที่ได้เป็นดีไซน์เนอร์รุ่นเยาวน์คนแรกๆของเขา ที่เริ่มเข้ามาเป็นผู้สานต่อวิสัยทัศน์ของแบรนด์Chloé ต่อไปนั่นเอง
ซึ่งหลังจากช่วงเวลานั้นมา เธอก็ได้เริ่มที่จะจ้างนักออกแบบหนุ่มสาวไฟแรง อย่าง แม็กซิม เดอ ลอ ฟาเลซ (Maxime de La Falaise), มิเชเล่ โรซี่ (Michéle Rosie), กราเซียล่า ฟอนตาน่า (Graziella Fontana) และ คาร์ล ลาการ์เฟด (Karl Lagerfeld) ที่ได้มาร่วมทำงานกับเธอ
ซึ่งพวกเขาเองนั้น ก็ได้ที่จะทำงานร่วมกัน พร้อมทั้งการเติบโต และผลิบานภายใต้การกำกับดูแลของ Gaby Aghion ได้อย่างดีเสียจริง โดยสำหรับพวกเขานั้นก็ได้เริ่มที่จะมีการออกแบบ ชุด Shirt-Dress ที่ทีความโดดเด่น เป็นอย่างมาก โดยที่ตัวของ Gaby Aghion เองนั้นก็ได้ให้ความเห็น
สำหรับการออกแบบชุดนี้ว่า “มันคือการออกแบบชุดกระโปรงที่เหมือนเสื้อยืดนั้นให้ดูทันสมัย” และถ้าจะบอกว่าชุดนี้นั้น ได้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามเลยทีเดียว แถมยังได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างมาก กับสไตล์เสื้อผ้าแบบใหม่นี้ เป็นส่วนสำคัญเลยว่า ทัศนคติอันทันสมัยของแบรนด์Chloé ได้อย่างชัดเจนที่สุด
แบรนด์สุดหรู กับวันครบรอบ 60 ปี
และเมื่อถึงวันครบครบรอบ ของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ ทางแบรนด์นั้นก็ได้มีการโอกาสที่จะ ฉลองความสำเร็จนี้ ด้วยการที่เขาได้จัดนิทรรศการ the ‘Chloé Attitude’ ที่ Palais de Tokyo โดยสำหรับภายในงานแล้วนั้น ก็จะมีการจัดแสดงชุดจากคอลเล็กชั่นต่างๆ ที่จะมีตั้งแต่ในอดีต จนมาถึงคอลเล็กชั่นปัจจุบัน โดยเขาจะต้องการที่จะเปรียบเหมือนการเล่าเรื่อง ประวัติแบรนด์ Chloé ที่ได้เดินทางมาอย่างไร ผ่านการออกแบบชุดในคอลเล็กชั่นต่างๆ ซึ่งหลังจากนิทรรศกาลจบลงไม่นาน ทางแบรนด์เองก็ได้มีการเปิดตัวกระเป๋า The Drew ที่ได้เป็น Item ที่โดดเด่นโดยการรวบรวม ที่จะเอาเสน่ห์และจิตวิญญาณในช่วงยุค 1970 เป็นหลักสำคัญ ในการออกแบบของกระเป๋าชิ้นนี้ ซึ่งเสน่ห์นี้เป็นหัวใจสำคัญของ Chloé อยู่แล้ว
และภายหลังจากการฉลองครั้งยิ่งใหญ่นี้ โดยการที่ครบรอบ 60 ปีของ Chloéนั้นในฐานะผู้ก่อตั้งแบรนด์ Gaby Aghion ก็ได้มีการรับรางวัลกองทหารเกียรติยศแห่งฝรั่งเศส French Legion of Honor ในปี 2013 โดยเหตุเพราะเธอนั้น ก็เคยที่จะเข้าร่วม กับกองกำลังทหารอีกด้วย สำหรับเมื่อครั้งที่เธอ ได้ย้ายมาเข้ามาอยู่ในปารีสช่วงแรกๆ และอีกหนึ่งปีให้หลัง ตัวเธอเองนั้นก็เสียชีวิต ลงที่ปารีสเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2014 และในปีเดียวกันนั้นเอง ทางแบรนด์ก็ได้มีการเปิดตัว the Faye ที่เป็นกระเป๋าสำหรับวันสำคัญ และเป็นกระเป๋าที่ต้องบอกเลยว่า ความสง่างามของมันนั้น ได้ถูกวางมากับคอลเล็กชั่น Spring-Summer 2015 แล้วนั่นเอง
แหล่งอ้างอิงข้อมูล : style.katexoxo.com
ติดตามเว็บไซต์น่าติดตามเพิ่มเติมได้ที่ >> เกมออนไลน์
แบรนด์อื่นๆ ที่แนะนำ >> goyard