Goyard เปิดแบรนด์เนม โกยาร์ อีกแบรนด์สุดหรูที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย
Goyard สำหรับแบรนด์สุดหรูอย่าง โกยาร์ ได้เป็นแบรนด์ที่มี สัญชาติฝรั่งเศสโดยจะมีประวัติ มาอย่างยาวนานอยู่มากกว่า 200กว่าปีเลยทีเดียว ซึ่งเราเชื่อว่าหลายๆท่านนั้น ก็อาจจะไม่ได้รู้จักกับแบรนด์ชื่อนี้มาก ด้วยความที่ตัวแบรนด์นั้นไม่เคยมีการให้โฆษณา ผ่านสื่อสักครั้งเดียว และไม่ได้มีงาน ที่เป็นการเปิดตัวสินค้า หรือจะเป็นงานแสดง Fashion show ก็ไม่ได้เคยจัดขึ้นสักครั้งเดียว และก็ไม่ได้มีการจ้างให้เหล่าดารา เซเลปคนดังคนไหน มาใช้สินค้าอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ที่ ไม่เคยมีการขาย หรือได้รับการ โปรโมททางออนไลน์เลยทั้งสิ้น ซึ่งทุกๆคนนั้น ก็อาจจะสงสัยว่า หากไม่เคยมีการ โปรโมทในทางใดเลย ทำไมแบรนด์ถึงมีชื่อเสียง และเป็นแบรนด์สุดหรูระดับโลกได้ยังไง เพราะไม่ว่าจะผ่านเวลา มานานขนาดไหนก็ตามแต่ ก็ยังคงมีชื่อเสียงมาจนปัจจุบันนี้ วันนี้เราจะพาทุกท่านนั้น มาย้อนรอย และเปิดความลับ ที่ทำให้แบรนด์สุดเก่าแก่นี้พร้อมๆกัน
ย้อนรอยจุดเริ่มต้นของ Goyard มีที่มาอย่างไร
เราคิดว่าหลายๆท่านนั้น ก็อาจจะไม่ได้นึกถึง หรือพูดถึงแบรนด์นี้มากนัก เพราะด้วยแบรนด์นี้นั้น ถือว่าหลายๆคนก็อาจจะฮิตกับไปแบรนด์ แอเมส หรือหลุยส์วิตอง ที่จะบ่งบอกความหรูหราได้อย่างยิ่ง แต่วันนี้เราจะพาทุกท่านนั้น มารู้จักกับแบรนด์ Goyardหรือ เรียกชื่อไทยว่า โกยาร์ ที่ได้เป็นแบรนด์สุดหรู ที่ถือว่าเป็นแบรนด์เก่าแก่ จากปารีสอายุกว่า 200 ปี เลยทีเดียว
สำหรับจุดเริ่มต้น ของแบรนด์นั้น ได้มากจาก ธุรกิจที่ได้ผลิตหีบหนัง และได้มีบรรจุภัณฑ์ ที่อยู่ภายใต้ชื่อของ The House of Martin โดยจะก่อตั้งในปี ค.ศ. 1792 ซึ่งสำหรับ ปีแอร์ ฟรองซัวร์ มาติน (Pierre-François Martin) ในช่วงของ ต้นศตวรรษที่ 19 ที่ได้เป็นยุคทอง และยุคที่ใครๆต่างก็ใช้หีบเพื่อ บรรจุสิ่งของ
นั้นถือว่ายุคนั้นต่างก็เริ่มมี การผลิตหีบกันมากขึ้น และในยุคนั่นเอง ก็ได้มีสินค้าที่อยู่ภายใต้ชื่ออย่าง The House of Martin แถมยังสามารถ ได้รับความนิยม แถมก็ยังประสบความสำเร็จ อย่างมากเลยเสียจริง แถมยังได้เข้ามาแทรกซึม ในสังคมของชั้นสูงฝรั่งเศส เลยเสียจริง
และต่อมา ในปี ค.ศ. 1834 ก็ได้มีการย้ายร้านของเขาขึ้นมา ซึ่งมาติน ก็ได้ย้ายจาก 4, rue de Nueve de Capucines ที่ได้ไปที่ 347, rue Saint-Honoré ซึ่งสำหรับนโยบาย การที่เขาจะเปลี่ยนตัวเลขถนนในปีนั้น ซึ่งก็ได้ทำให้มาตินนั้นได้ ที่อยู่ของร้านใหม่ก็คือ 233, rue Saint-Honoré แถมเขาก็ยังเปิด ทำการมาจนถึงปัจจุบัน
โดยสำหรับตัวของ มาตินเองนั้น เขาเองก็ได้มี เด็กสาวที่เขาเองได้ อุปการะคนนึงชื่อ พอลลีน วอร์ด (Pauline Ward) และเขาเองนั้นก็ได้ มีการที่จะจัดการให้ เธอนั้นได้มาแต่งงานกับ ลูกจ้างของเขาคนนึง ที่มีชื่อว่าหลุยส์ เฮนรี่ โมเรล (Louis-Henri Morel) และได้มีการยกธุรกิจ The House of Martin ให้กับเธอและเขาเป็นสินสมรส
ช่วงรอยต่อของแบรนด์ ก่อนจะมาเป็นที่รู้จักในปัจจุบัน
ซึ่งทาง หลุยส์ เฮนรี่ โมเรล ที่ได้มีการรับช่วง ในการบริหารต่อด้วยเขานั้น ก็ได้เดินตามรอยของมาตินเองด้วย แต่ในการบรอหารของเขานั้น ก็ได้มาชื่อร้านใหม่อย่าง “Maison Morel” และต่อมาในปี ค.ศ. 1845 ทางโมเรล ก็ได้มีการรับ ฟรองซัว โกยาร์ (François Goyard) ได้มาเป็นเด็กฝึกงาน โกยาร์ในวัย 17 ปี
ซึ่งสำหรับการที่ ตัวเขาเองนั้นได้มีการฝึกฝน ในการที่จะเรียนรู้เรื่องของการทำหีบได้ และเครื่องหนัง กระเป๋า ก็ได้การอยู่ภายใต้ ในการดูแลนั้น ก็ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ของมาตินและโมเรล และปี ค.ศ. 1852 ตัวของโมเรลเอง ก็ได้มีการเสียชีวิตอย่างกระทันหัน ทำให้ทางโกยาร์ จึงได้เข้ามารับช่วงบริหารงานต่อไป
และสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นั้น ก้เริ่มที่จะเปลี่ยนโฉมของธุรกิจออก เป็นแบบใหม่ทั้งหมดอีกด้วย ซึ่งเขานั้นก็ได้มีการ บริหารงานอย่างเป็นทางการ โดยได้อยู่ ภายใต้ชื่อ “House of Goyard” ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1853 เป็นต้นมา และสิ่งที่ โกยาร์ นั้นเข้ามาทำหลังจากการ ที่เขาเข้ามารับช่วงต่อนั้น
ก็ได้มีการเปิดShop ที่สุดแสนจะล้ำสมัย โดยเขานั้นได้มาเปิดในย่าน Bezons โดนเปิดในชานเมืองของ กรุงปารีส เพื่อที่จะเป็นการขยายตลาด ตามความต้องการของลูกค้าที่มีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเขานั้นก็ยังคงผลิตสินค้า ด้วยคุณภาพที่สูงอยู่ตลอดมา ซึ่งเขาเองนั้นก็ได้มีการ ควบคุมการผลิตที่สมบูรณ์แบบที่สุด
และผลลัพท์ ของการกระทพของเขานั้น ก็ได้สินค้าที่มีคุณภาพอย่างที่สุด โดยตัวโกยาร์นั้น ได้เข้ามาดูแลกิจการมาเป็นเวลาถึง 32 ปี และเขาก็เริ่มที่จะส่งต่อให้ ลูกชายคนโตของเขา เอ็ดมอนด์ (Edmond) เมื่อวันที่ 1 เมษายน ปี ค.ศ. 1885 นั่นเอง
และสำหรับทางลูกชายของเขาอย่าง เอ็ดมอนด์ ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนร้านค้า ที่ถนน Saint-Honoré ได้ก้าวเข้าสู่สถาบันชั้นนำ ที่ตัวเขานั้น ได้มีลูกค้ามาเพิ่มมากขึ้น แถมเขาเองก้ได้มีการโปรโมท โดยเขาเอง ต้องการที่จะสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งเขานั้นได้เริ่มเข้าร่วมงานอย่าง World Expositions ต่างๆ
และเขาก็ได้เริ่มที่จะ ทำการเปิดสาขาเพิ่มถึง 3 แห่ง ใน Monte-Carlo, Biarritz และ Bordeaux ซึ่งได้รวมถึงสำนักงานการค้า ในนิวยอร์คและลอนดอน ที่ได้ตั้งอยู่ ณ Mount Street ซึ่งก็ได้เป็นที่ตั้งของ Goyard Mayfair boutique สำหรับปัจจุบัน และหลังจากนั้นก็ได้เป็นแบรนดื ที่รู้จักกว้างขว้างมากขึ้น ที่มาจากการ ออกแบบผ้าใบ Goyardine ในปี ค.ศ. 1892 เป็นต้นมา
ความเปลี่ยนแปลงของ แบรนด์Goyard
สำหรับตัว ผ้าใบ Goyardine นั้นก็ได้ถือว่าเป็น การรปฏิวัติวงการผลิตหีบใส่ของ ในยุคนั้นเลยก็ว่าได้นะ เพราะว่าสำหรับหีบใส่ของส่วนมากเลย ก็จะมีวัสดุที่ห่อหุ้ม ที่ได้ทำมาจาก ผ้าลินินธรรมดาเท่านั้น เพราะได้มีการทำผ้าใบแบบใหม่ โดยเขาเองนั้นก็จะมี วัสดุที่จะเป็นผ้า โดยจะมีการเคลือบผสมผ้าลินินและผ้าฝ้าย
จะทำให้มีน้ำหนักที่เบา ทนทาน สามารถกันน้ำได้ดี แถมก็ยังได้มีความคล้าย กับหนังแท้เป็นอย่างมาก ซึ่งสำหรับผ้าใบ Goyardine นั้นก็ได้เป็นมรดกตกทอดทางความรู้ ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นของตระกูลโกยาร์เลยทีเดียว และความโดดเด่น ที่อยู่บนผ้าใบ Goyardine นั้นก็คือลายเพ้นต์ที่จะเป็นจุดๆ โดยจะติดกันเรียง แถมยังเป็นรูปตัว “Y” ซึ่งจะเป็นตัวอักษร ที่จะอยู่ตรงกลางของชื่อตระกูลGoyard อีกด้วย
เพราะมันจะมีลักษณะที่คล้ายกับรูปท่อนซุง ซึ่งก็จะมีการสะท้อนถึงอาชีพดั้งเดิมข องตระกูลโกยาร์เองอีกด้วย ที่ได้มีการทำเกี่ยวกับ กิจการค้าไม้ โดยสำหรับความพิเศษอของลายนั้นก็จะอยู่ที่ตัว Y มีตัว Y หนึ่งตัว ซึ่งจะมีการเพ้นต์คำว่า E. Goyard แถมสีขาวตัดกัน และเพ้นต์ที่อยู่ของร้าน Honoré Paris ซึ่งจะเป็น 2 เฉดสี โดยจะมีสีน้ำตาลอ่อน และน้ำตาลเข้ม
แหล่งอ้างอิงข้อมูล : style.katexoxo.com
ติดตามเว็บไซต์น่าติดตามเพิ่มเติมได้ที่ >> เว็บดูบอลสดฟรี
แบรนด์อื่นๆ ที่แนะนำ >> Miu Miu