MCM เปิดประวัติแบรนด์ที่เหล่าดาราเกาหลีนิยมใช้ ทำให้เกิดกระแสฮิต
MCM เพียงแค่เอ่ยชื่อแบรนด์เราก็คงรู้จักอยู่แล้ว เพราะถือว่าเป็นแบรนด์ ที่ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น และคนเอเซียเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากเราจะนึกถึงกระเป๋า หรือเครื่องหนังยอดนิยม ที่เหล่าดาราเกาหลีฮิตใช้กัน ก็ต้องบอกเลยว่า หลายๆคนนั้น ก็อาจจะมักเข้าใจผิดเอาง่ายว่า เป็นแบรนด์ของคนเอเชีย หรือเกาหลีนั่นเอง แต่จริงๆนั้นมันก็คือ แบรนด์สัญชาติเยอรมนีนั่นเอง โดยแบรนด์นั้นได้มีการก่อตั้งขึ้นที่มิวนิก ของประเทศเยอรมนี โดยเรานั้นจะย้อนกลับไป 40ปีก่อน และด้วยความที่มี เฉดสีคอนยัค (Cognac) ที่จะมีความโดดเด่น และไม่เหมือนใคร พร้อมทั้งยังมีลวดลายโมโนแกรม Visetos (วิเซโต้) โดยได้ทำให้แบรนด์กลายเป็นเอกลักษณ์ ที่จะสามารถจดจำได้รับความนิยมกันอย่างมาก และสามารถได้ทั่วทั้งเอเชีย และยุโรป
เปิดประวัติ MCM ย้อนรอยจุดดำเนิดแบรนด์ดัง
หากจะเริ่มพูดถึงเรื่องของ แบรนด์MCM ที่เริ่มต้นจากแบรนด์เครื่องหนัง ที่สร้างความหรูหรา มากจากประเทศเยอรมัน โดยก่อตั้งในปี ค.ศ. 1977 ที่มิวนิกในเยอรมนี และผู้ที่ก่อตั้งแบรนด์ขึ้นมาั่นก็คือ ไมเคิล โครเมอร์ (Michael Cromer) โดยตัวเขานั้นก็ได้ เกิดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 1939 โดยเขานั้นได้เกิดที่ เมืองเครเฟลด์ ประเทศเยอรมนี
โดยตัวเขาเองนั้น กับภรรยาก็ได้ร่วมกันเปิดร้านเสริมสวยในตอนแรก ที่ใช้ชื่อว่า Modern Coiffeur München และการที่เขานั้น ก็เป็นดาราอยู่แล้ว มันก็ได้ทำให้เพื่อนๆในวงการนั้น เข้ามาใช้บริการ และแวะเวียนเข้ามาที่ร้ายเสริมสวยอยุ่สม่ำเสมอ หรือลูกค้าประจำเลยก็ว่าได้ละนะ
ต่อมาในปี ค.ศ. 1975 เขากับภรรยานั้น ก็ได้มีการสร้างชุดของกระเป๋าเครื่องสำอาง สีขาวโดยจะมีโลโก้ MCM เพื่อที่จะมอบให้แก่ลูกค้าของเขา ที่ได้เข้ามาใช้บริการในร้านเสริมสวย และปีเดียวกันนั้น ทางตัวของไมเคิลเอง ก็ได้มีโอกาสไป ถ่ายทำภาพยนต์ที่อิตาลี
และได้มีการสังเกตเห็นใน เกี่ยวกับตัวของพนักงานบริการของโรงแรม ที่เขานั้นจะดูแลลูกค้าที่จะ ใช้กระเป๋าเดินทางจากแบรนด์ Louis Vuitton เป็นพิเศษ เลยเป็นสิ่งที่ทำให้ ตัวเขานั้นเริ่มมีความคิด ที่อยากจะสร้างแบรนด์กระเป๋าเดินทาง ที่เป็นของตัวเองขึ้นมานั่นเอง
จุดเริ่มต้นจาก ผลิตกระเป๋าเดินทาง ก้าวสู่แบรนด์เครื่องหนังยอดฮิต
เมื่อได้จุดประกายความคิดแล้ว เขานั้นก็ได้ริเริ่มและทำให้ตัวของ ไมเคิล เองได้มาร่วมมือกับ ผู้ที่ผลิตกระเป่าเดินทาง เพื่อที่เขานั้น ต้องการจะออกแบบกระเป๋าเดินทาง สีคอนยัค (Cognac) โดยจะเรียกว่า Visetos มาพร้อมกับ โลโก้MCM ที่จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม
โดยตัวของขอบกระเป๋าเดินทางเอง ก็ยังมีการตัดแต่งด้วยเครื่องหนัง พร้อมทั้งยังมีการ ติดตั้งตัวล็อคและมุมทองเหลืองเงา ซึ่งสำหรับตอนแรกนั้น ตัวเขาเองก็ได้มีการจัดแสดงสินค้า ของตัวเองขึ้น ที่ร้านเสริมสวยของเขาเองด้วย นั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้แบรนด์นั้น เป็นที่รู้จักได้ง่าย และไวอีกด้วยนะ
โดยสำหรับ ลวดลาย Visetos (วิเซโต้) ถือได้ว่าเป็ยลวดลายโมโนแกรมของแบรนด์ ที่จะมีการประกอบของคำว่าMCM โดยที่จะเป็นชื่อของแบรนด์เอง ที่ย่อมาจาก Modern Creation München และนอกจากนั้นก็ได้มี ใบลอเรล (Laurel) ที่ได้ถือว่าเป็น สัญลักษณ์แห่งเกียรติยศ ความสำเร็จ
และสำหรับใบลอเรล ที่ได้นำมาใส่โลโก้ของแบรนด์นั้น หากจะนับทางด้านซ้ายของโลโก้จะมี 9 ใบ และด้านขวาจะมี 8 ใบ ส่วนสุดท้ายก็คือ เพชร โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก เพชรบนธงชาติของรัฐบาวาเรีย ที่จะสื่อความหมายในเรื่องของ ความล้ำค่า ความทนทาน ความงดงาม ที่ตัวแบรนด์ต้องการจะสื่อออกมานั่นเอง
ยุครุ่งเรืองของแบรนด์MCM ที่ทำให้เติบโตถึงปัจจุบัน
สำหรับในช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 เราต้องบอกเลยว่ามันเป็นยุคที่ แบรนด์นั้นเป็นที่รู้จัก และรุ่งเรืองอย่างมาก เพราะมี การเติบโตพร้อมทั้งยอดขายนั้นก็เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะหลายๆคนนั้นเริ่มรู้จัก และชื่นชอบกระเป๋าจากแบรนด์อีกด้วย โดยทำให้มีการเปิดร้านเป็นจำนวนมากขึ้น
ซึ่งต่อมาในปี ค.ศ. 1984 ทางแบรนด์นั้นก็ได้มีการ เปิดตัวน้ำหอมรุ่นแรกอีกด้วยอย่างMCM Rouge ที่ได้เป็นน้ำหอมผู้หญิง และต่อมาก็ได้มีการเปิดตัวน้ำหอม ของทางฝั่งผู้ชายตัวแรกMCM Success และในปี ค.ศ. 1986 ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 ทางแบรนด์นั้นก็ได้ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
โดยทางแบรนด์เองนั้น ก็ได้มียอดขายกว่า 200 ล้านยูโรในร้านค้ากว่า 250 สาขาทั่วโลก โดยที่ธุรกิจของ MCM นั้นประสบความสำเร็จเป็นพิเศษในเอเชียเลยก็ว่าได้ แต่บางทีเส้นทางนั้น ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลายเสมอไป เมื่อแบรนด์ได้มาเจอกับ พิษเศรษฐกิจในเอเชียเมื่อ ปี ค.ศ. 1997
ก็ได้ทำให้ยอดขายนั้นลดลงไปมากกว่าครึ่ง ซึ่งมันเหลือเพยงแค่ 25 ล้านยูโร และผลประกอบการ ได้มีการขาดทุนมากถึง 18 ล้านยูโร นอกจากนี้แบรนด์เองก็ได้พบกับปัญหา เรื่องของรายได้ และยังมีภาษี จึงทำให้ตัวของ ไมเคิลจะต้องหนีไปใช้ชีวิตอยู่ที่ สวิตเซอร์แลนด์ ในที่สุดเมื่อ ปี ค.ศ. 2000 จึงทำให้ตัวเขาเองนั้น ได้มีการถูกคุมประพฤติ เพราะการที่เขาได้เสี่ยงภาษี และ 7 ปีให้หลัง ไมเคิล โครเมอร์ ก็ได้เสียชีวิตลงที่มิวนิกในปี 2007
ความเปลี่ยนแปลงของแบรนด์ สู่เจ้าของคนใหม่
สำหรับแบรนด์ MCMเองนั้น ก็ได้มาการถูกซื้อขาย และได้เปลี่ยนเจ้าของต่อหลายครั้ง จนท้ายที่สุดในปี 2005 ซองจูคิม (Sung-Joo Kim) ที่ได้เป็นนักธุรกิจสาวผู้ก่อตั้ง Sungjoo Group ที่เป็นทายาทของเจ้าสัวชาวเกาหลีใต้ นำมาแบรนด์นั้นมาเปิดตัวอีกครั้ง ในปี 2006 และนี่ก็เหมือนกับการกลับมาของแบรนด์ ที่ได้มาอยู่ใยแทบเอเซีย ที่เราคิดว่าตอนแรกนั้น คือแบรนด์ที่ถือกำเนิดจาก เกาหลีนั่นเอง
โดยการที่เธอนั้นได้ ตั้งร้านใหม่ในเบอร์ลินที่เยอรมนี และหลังจากนั้นไม่นานทางตัวแบรนด์ ก็ได้เริ่มมีการเปิดร้านหลายประเทศขึ้นมาทั้ง นิวยอร์ก, โตรอนโต, ปารีส, ลอนดอน, สิงคโปร์, โตเกียว, และจีน ถือได้ว่าแบรนด์โดยแบรนด์นั้นได้ทำยอดขายถึว MCM ก็ได้มีร้านที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่ฮ่องกง 70% ในเอเชียและประมาณ 30% ในยุโรปตะวันออกกลางและอเมริกา สำหรับแบรนด์MCM นั่นก็เหมือนกับตัวแทนของความกล้า ความแหวกแนว ที่ได้มีการเชื่อมโยงเข้ากันกับศิลปะ ดนตรี ด้วยเหตุผลนี้ที่MCM เองจึงมุ่งไปที่การออกแบบสไตล์คลาสสิก โดยแบรนด์นั่นก็ได้มีการผสมผสาน ความเป็นตะวันตก และตะวันออก เข้าไว้ด้วยกัน โดยอิงแนวความคิดจากมิวนิคไปจนถึงโซลเลยทีเดียว
แหล่งอ้างอิงข้อมูล : style.katexoxo.com
ติดตามเว็บไซต์น่าติดตามเพิ่มเติมได้ที่ >> เว็บดูบอลสดฟรี
แบรนด์อื่นๆ ที่แนะนำ >> Paul Smith